สารพัดปัจจัยลบ!!

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 158.50 บาท ลบ 3.50 บาท, PTTEP ปิด 145.50 บาท ลบ 2.50 บาท, PTT ปิดที่ 38.75 บาท ลด 0.75 บาท, BDMS ปิดที่ 26 บาท บวก 0.50 บาท

บล.ทิสโก้ ชี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวร่วงแรงตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค เพราะวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจจีน หลังมีการประกาศล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้หลายโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอาจต้องหยุดการผลิตชั่วคราว นอกจากนี้ ยังมีความกังวลต่อสถานการณ์ความไม่แน่นอนของสงครามรัสเซียและยูเครนที่ยังคงส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง

แนะกลยุทธ์ลงทุนระยะสั้นให้นักลงทุนชะลอการลงทุน เพื่อรอดูสถานการณ์ ประเมินภาวะตลาดปัจจุบันมี Downside มากกว่า Upside เนื่องจากยังมีแรงกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อและสินค้าที่เป็นปัจจัยการผลิต ทั้งจากกรณีการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและการที่จีนประกาศล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้น รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง สวนทางผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (บอนยีลด์สหรัฐฯ) ที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้น จึงทำให้มีการประเมินว่าอาจไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้

ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 1,637–1,640 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,650–1,660 จุด แต่ดัชนีอาจย่อตัวลงไปแตะระดับ 1,600 ต้นๆ ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อหุ้น

ขณะที่ บล.หยวนต้า ชี้ว่าราคาน้ำมันดิบปรับฐานลงจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจาระหว่างรัสเซีย-ยูเครนขณะที่ Dollar Index แข็งค่า, Bond Yield 10 ปี สหรัฐฯสูงสุดรอบ 1 เดือนครึ่ง คาด FED ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในวันที่ 16 มี.ค.65 ขณะที่ตลาดหุ้นจีน, ฮ่องกงปรับตัวลงแรงจากการแพร่ระบาดของ COVID ระลอกใหม่ และความกังวลต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจากความกังวลด้านกฎระเบียบของทางการจีน

แนะนำลงทุนหุ้น GFPT ราคาหุ้นอ่อนตัวลงตามภาวะตลาด แต่เงินบาทที่อ่อนค่าและการกลับมาส่งออกไก่ไทยไปยังซาอุฯได้อีกครั้งเป็นปัจจัยบวก แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ขณะที่หุ้น PRM คาดกำไร 1Q65 เติบโตสูง QoQ ขณะที่ความตึงเครียดในยูเครนเป็นปัจจัยบวกต่อค่าระวางเรือเก็บน้ำมันอย่างต่อเนื่อง!!

แหล่งข่าว สารพัดปัจจัยลบ!!, bangkokbiznews, 16 มี.ค. 2565