ททท.เผยสารพัดปัจจัยเสี่ยง ที่จะมีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวไทยปี 2566 อาทิ เศรษฐกิจโลกที่ถดถอย เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพเพิ่ม ค่าเดินทางแพงขึ้น ไม่มีการอัดอั้นการเดินทางเหมือนปีนี้ และในเดือน มี.ค.ปีหน้าเข้าสู่โลว์ซีซั่น แต่ยังวางเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน ฟาดรายได้ 2.38 ล้านล้านบาท
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวของประเทศไทย ตอนนี้ทุกคนเริ่มมองไปหลังปีใหม่ เนื่องจากในช่วงเดือน มี.ค. 2566 ที่ต้องเจอกับสถานการณ์จริงท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ภาวะเงินเฟ้อ วิกฤติค่าครองชีพ ค่าเดินทางแพงจากสถานการณ์ราคาน้ำมัน ประกอบกับเข้าสู่โลว์ซีซั่น หรือนอกฤดูท่องเที่ยว และไม่มีการอัดอั้นการเดินทางอย่างเช่นปีนี้ จะท้าทายต่อการทำการตลาดที่ต้องแข่งกับทุกประเทศที่ต่างเปิดรับนักท่องเที่ยวกันแล้วอย่างมาก ท่ามกลางเป้าหมายที่ ททท.ต้องดึงตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าไทย 20 ล้านคน บนเป้ารายได้ 2.38 ล้านล้านบาท ที่คิดเป็น 80% ที่เคยทำได้ในปี 2562 ที่มีรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวไทย รวมกันที่ 3 ล้านล้านบาท
เนื่องจากในขณะนี้คาดว่า รายได้รวมอาจจะได้เพียง 1.33 ล้านล้านบาท มาจากคนไทยเที่ยวในประเทศ 731,774 ล้านบาท และจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 600,000 ล้านบาท นอกเสียจากว่า ในช่วงที่เหลือของปี นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามามีวันพำนักในไทยนานขึ้นและใช้เงินมากขึ้น ก็อาจมีลุ้นที่จะได้ตามเป้า 1.5 ล้านล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาดในปี 2566 ประเทศไทยจะต้องเร่งในทุกตลาด และพุ่งเป้าโรดโชว์ในหลายประเทศ โดย ททท.จะพยายามผลักดันให้มีเที่ยวบินกลับมาให้ได้ 80% ของปี 2562 และมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารที่ 90% ของจำนวนที่นั่ง โดยแต่ละเที่ยวบินที่ตัดสินใจกลับมาบิน เขาต้องมั่นใจว่าจะมีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร 80% ของจำนวนที่นั่ง แต่หากพบมีอัตราบรรทุกไม่ถึง 90% ททท.จะสนับสนุนให้ เช่น มีผู้โดยสาร 80% ททท.จะช่วย 10% ที่เหลือ และจะเร่งให้นักท่องเที่ยวเดินทางซ้ำ ในทุกฤดูท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดการกระจายตัวในหลายแหล่งท่องเที่ยว
แหล่งข่าว ททท.ลุยโรดโชว์ปี 2566 ลุ้นนักเที่ยว 20 ล้านคนรายได้ 2.38 ล้านล้าน, ไทยรัฐ, 29 พ.ย. 2565
COMMENTS