น้ำมันยังคงมีกำไรเนื่องจากนักลงทุนคาดว่าอุปทานตึงตัวมากขึ้น

ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงเล็กน้อยในวันจันทร์ โดยรักษาระดับที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางความคาดหวังว่าอุปทานจะตึงตัวมากขึ้นจากการลดการกลั่นของ OPEC+ การโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย และข้อมูลการผลิตของจีนที่ปรับตัวดีขึ้น ราคาน้ำมัน Brent ร่วงลง 17 เซนต์หรือ 0.2% สู่ระดับ 86.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเพิ่มขึ้น 2.4% ในสัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมัน West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐอยู่ที่ 83.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว คาดว่าปริมาณการค้าจะลดลงในวันจันทร์ เนื่องจากหลายประเทศปิดทำการเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์ ราคาทั้งสองปิดสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดย Brent อยู่เหนือ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม เนื่องจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร OPEC+ ยืนยันที่จะขยายเวลาลดการผลิตจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน ซึ่งอาจทำให้อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวในช่วงฤดูร้อนอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า บริษัทน้ำมันจะมุ่งลดการผลิตมากกว่าการส่งออกในไตรมาสที่สอง เพื่อกระจายการลดการผลิตกับประเทศสมาชิก OPEC+ อื่นๆ อย่างเท่าเทียมกัน

การโจมตีด้วยโดรนทำให้โรงกลั่นรัสเซียหลายแห่งล้มลง ซึ่งคาดว่าจะลดการส่งออกเชื้อเพลิงของรัสเซีย กำลังการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียเกือบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันปิดตัวลงท่ามกลางการโจมตี ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีกำมะถันสูงซึ่งดำเนินการที่โรงกลั่นของจีนและอินเดีย ส่วนในยุโรป ความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้นเกินคาด 100,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์ เทียบกับการคาดการณ์ว่าจะหดตัว 200,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2567 การเติบโตของอุปทานในสหรัฐที่อ่อนแอประกอบกับการขยายเวลาการลดของ OPEC+ ออกไปจนถึงปี 2024 นั้นมีมากกว่าความเสี่ยงจากอุปสงค์ของจีนที่อ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามกิจกรรมการผลิตของจีนขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ซึ่งสนับสนุนความต้องการน้ำมันของผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก แม้ว่าวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจก็ตาม

แหล่งข่าว Oil holds onto gains as investors bet on tighter supply โดย Reuters