ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ความกังวลด้านอุปทานรุนแรงขึ้น

ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในการซื้อขายช่วงเช้าวันจันทร์ของเอเชีย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานทั่วโลกที่ตึงตัวมากขึ้น เกิดจากความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางและระหว่างรัสเซียและยูเครน ในขณะที่แท่นขุดเจาะของสหรัฐที่ลดลงก็เพิ่มความกดดันด้านราคา ราคาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 24 เซนต์หรือ 0.3% สู่ระดับ 85.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาฟิวเจอร์สน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 25 เซนต์หรือ 0.3% สู่ 80.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งสองเปลี่ยนแปลงน้อยกว่า 1% ในสัปดาห์ที่แล้วเทียบกับสัปดาห์ก่อน

รัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในลวีฟทางตะวันตกของยูเครนด้วยขีปนาวุธในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ การโจมตีทางอากาศทำให้ขีปนาวุธของรัสเซียบินเข้าสู่น่านฟ้าของโปแลนด์ในช่วงสั้นๆ มอสโกยิงขีปนาวุธและโดรน 57 ลูกหลังจากการทิ้งระเบิดทางอากาศในกลุ่มพลังงานของยูเครนในรอบกว่า 2 ปีของสงคราม มีโรงกลั่นอย่างน้อย 7 แห่งตกเป็นเป้าหมายของโดรนในเดือนนี้ ในตะวันออกกลาง กองกำลังอิสราเอลได้ปิดล้อมโรงพยาบาลในฉนวนกาซาอีกสองแห่งเมื่อวันอาทิตย์ ทำให้ทีมแพทย์ต้องล้มตายด้วยการยิงปืนหนัก อิสราเอลกล่าวว่าได้จับกุมกลุ่มติดอาวุธได้ 480 คนในการปะทะกันอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาลหลักอัลชิฟาในฉนวนกาซา แอนโทนี บลินเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลว่า อิสราเอลเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรทั่วโลก หากโจมตีเมืองราฟาห์ของปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ขณะเดียวกัน จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐลดลง 1 สู่ 509 แท่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบริษัทผู้ให้บริการด้านพลังงาน Baker Hughes (BKR.O) บ่งชี้ว่าอุปทานในอนาคตจะลดลง

แหล่งข่าว Oil prices rise as heightened geopolitical risk exacerbates supply concern โดย Reuters