ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทและโลโก้จาก “เฟซบุ๊ก” (Facebook) เป็น “เมตา” (Meta) เพื่อเตรียมพร้อมรับบริการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดย “เฟซบุ๊ก” จะไม่ได้เป็นแค่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียธรรมดาๆ อีกต่อไป แต่จะมุ่งสู่ “เมตาเวิร์ส” หรือ “โลกเสมือนจริง” เพื่อทำให้ผู้ใช้บริการได้เปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ บนโลกออนไลน์ที่หลากหลายมิติมากยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของ “เฟซบุ๊ก” เรียกเสียงฮือฮาและสร้างแรงกระเพื่อมไปทั้งโลก โดยมีคำถามตามมามากมายว่าจริงๆ แล้ว “เมตาเวิร์ส” คืออะไรกันแน่? การมาของเทคโนโลยี “เมตาเวิร์ส” จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับภาคธุรกิจภาคอุตสาหกรรมอย่างไรบ้าง? และใครที่จะได้ประโยชน์และเสียประโยชน์?
“เมตาเวิร์ส” หรือ “จักรวาลนฤมิต” ตามคำบัญญัติของราชบัณฑิตยสภา ถูกพัฒนามาระยะหนึ่งแล้ว โดยเป็นการจำลองโลกเสมือนจริงขึ้นมา คล้ายๆ กับการเล่นเกมออนไลน์ แต่จะมีหลายมิติมากกว่านั้น เนื่องจากจะมีการผสมผสานหลายเทคโนโลยีไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะระบบ Augmented Reality (AR) และระบบ Virtual Reality (VR)
โดยเมตาเวิร์สสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายกิจกรรม เช่น การเลือกซื้อสินค้า แสดงคอนเสิร์ต ดูภาพยนตร์ งานแสดงศิลปะ การจัดนิทรรศการ การประชุม การท่องเที่ยว ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้บนโลกเสมือนจริง
รวมไปถึงธุรกิจการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลที่เมตาเวิร์สกำลังเข้ามามีบทบาทด้วยเช่นกัน เห็นได้จากตอนนี้เริ่มมีธนาคารหลายแห่งในต่างประเทศเปิดให้ลูกค้าทำธุรกรรมบนโลกเสมือนจริง โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปที่ธนาคาร นอกจากนี้ยังมีการนำเงินดิจิทัลบางสกุลไปซื้อไอเท็มต่างๆ บนโลกเสมือน
เวลานี้เมตาเวิร์สกำลังจะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับโลก ดังนั้น การลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์จากเมตาเวิร์สเป็นอีกหนึ่งธีมการลงทุนที่น่าสนใจและเข้ากับยุคสมัย
โดยบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จากเมตาเวิร์สมี “กลุ่มธนาคารพาณิชย์” ซึ่งจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เริ่มปรับตัวเข้าสู่การให้บริการทางการเงินบนเมตาเวิร์ส ทั้งการปรับรูปแบบสาขาให้กลายเป็น Virtual Branch มากขึ้น
รวมถึงการต่อยอดฟังก์ชั่นการใช้งานของ Digital Platform หรือ Fintech ต่างๆ ที่ลงทุนทำระบบอยู่แล้วให้ทำงานได้บนโลกเสมือนจริง หุ้นเด่นในกลุ่มที่มีศักยภาพในการแข่งขัน คือ SCB และ KBANK
“กลุ่มไอซีที” เนื่องจากเมตาเวิร์สต้องเชื่อมต่อกันด้วยอินเตอร์เน็ตที่ดีและมีประสิทธิภาพ มองว่ากลุ่มผู้ให้บริการ Fixed Broadband และ Mobile Operator จะได้รับประโยชน์โดยตรง นอกจากนี้กลุ่ม Mobile Operator อาจสร้างรายได้จากห้างเสมือน เช่น กรณี V-Avenue.Co powered by AIS 5G เป็นต้น
ขณะเดียวกันการใช้งานอุปกรณ์จำพวก VR, AR จะเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยบวกต่อ Wholesale Distributors สินค้าไอทีอย่าง SYNEX และที่สำคัญเมตาเวิร์สจะทำให้เกิดการลงทุนด้าน IT Infrastructure ส่งผลดีต่อ MFEC และ AIT ตามมาด้วยการลงทุนด้าน Cyber Security และ Data Privacy เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค มีหุ้นเด่น คือ SECURE
“กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์” มองผู้ผลิต PCB และ CHIP จะได้ประโยชน์เพราะการทำเมตาเวิร์ส หลายอุตสาหกรรมต้องลงทุนเพิ่มเติมในหลายด้านเพื่อรองรับการใช้งานใหม่ๆ เป็นผลดีต่อ KCE, HANA
“กลุ่มการแพทย์” มีโอกาสนำเทคโนโลยี VR มาพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาต่อยอดจากปัจจุบันที่มีการรักษาแบบ Telemedicine แนะนำ BDMS, PR9 รวมถึง “กลุ่มอสังหาฯ” การพัฒนาระบบ AR และ VR จะทำให้ผู้บริโภคสามารถชมสินค้าเหมือนจริงโดยไม่ต้องออกจากบ้าน โดยผู้ประกอบการรายใหญ่จะได้รับประโยชน์เร็วที่สุด AP, ORI, LH, SPALI และ “กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง” ที่เมตาเวิร์สจะช่วยให้การทำงานของกลุ่มง่ายขึ้น
แหล่งข่าว ส่องหุ้นเด่นธีม “เมตาเวิร์ส” เทรนด์ใหม่ยุคดิจิทัล, bangkokbiznews, 02 ม.ค. 2565
COMMENTS