ยุคดอกเบี้ยขาขึ้นสะท้อนผ่านการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของ กนง. ในรอบ 2 ปี ที่ 0.25 % แม้จะเป็นไปตามคาดแต่ได้ส่งสัญญาณกลายๆ ว่านโยบายการเงินของไทยไม่ไปในแนวทางเข้มงวดเพื่อสกัดแค่เงินเฟ้อเพียงอย่างเดียวแต่ยังคำนึงถึงหนี้ครัวเรือนที่ไทยเผชิญหนักมากกว่า
ปัจจัยเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวหลังพ้นจากการระบาดโควิด-19 จนใช้มาตรการเข้มไปหลายระลอกส่งผลทำให้มีผู้ที่ต้องการสินเชื่อจำนวนมากทั้งในภาคธุรกิจและบุคคล ส่วนภาคการเงินอย่างธนาคารพาณิชย์ต้องช่วยเหลือลูกค้าที่ปล่อยสินเชื่อก่อนหน้านี้ และเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่เพราะยังไม่มั่นใจการฟื้นตัวเต็มที
ภาพที่ออกมาจึงเห็นการประกาศนำร่องก่อนของแบงก์รัฐคงดอกเบี้ยขาเงินกู้ อาทิ ธนาคารออมสิน ที่ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำอัตรา 0.15-0.30% แต่ตรึงดอกเบี้ยเงินกู้ ส่วนธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ให้นานที่สุด อย่างน้อยถึงสิ้นปี 2565 พร้อมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตามตลาด
และธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำสุดในระบบให้นานที่สุด หลัง กนง.ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.75% พร้อมออกโปรโมชั่นพิเศษสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า Prime Rate
ฝากธนาคารพาณิชย์ต่างออกมาพาเหรดประกาศคงดอกเบี้ยเงินกู้เช่นเดียวกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในทันที และตัดสินใจแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับ ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เน้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบค่อยเป็นค่อยไป
หากธนาคารขยับขึ้นดอกเบี้ยทันทีย่อมมีผลบวกมากกว่าผลลบเพราะดอกเบี้ยเงินฝากห่างจากดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้ธนาคารเสียโอกาสแต่ไม่ได้เสียหายเพราะหากดูตัวเลขดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบันไม่ได้สูงมาก ซึ่งประเภทออมทรัพย์อยู่ที่ 0.25% ประเภทฝากประจำ 3 เดือน ส่วนใหญ่อยู่ที่ 0.3-0.4 % สูงสุดประเภทฝากประจำ 24 เดือน อยู่ที่ 0.5-0.9% ส่วนฝั่งดอกเบี้ยเงินกู้ MLR 5.8-6.1%
นอกจากนี้กลุ่มแบงก์ยังแทบเสียโอกาสน้อยมากขึ้น อีกจากจำนวนบัญชีเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยรายเดือนมิ.ย. 2565 จาก ธปท. มียอดคงค้าง 117 ล้านล้านบัญชี จำนวนเงิน 15.67 ล้านล้านบาท ถือว่ามีเงินเข้าระบบเงินฝากเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ระบาดเม็ดเงินฝากในระบบอยู่ที่ 14.14 ล้านล้านบาท
แหล่งข่าว “หุ้นแบงก์” ตบเท้าชะลอขึ้นดอกเบี้ย “เสียโอกาส” แต่ “ไม่เสียหาย”, bangkokbiznews, 16 ส.ค. 2565
COMMENTS