เจ.พี.มอร์แกน ชี้การเเข็งค่าของสกุลเงินบาทเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยให้กลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการเสนอขายหุ้นไอพีโอ
นับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา “ดัชนีตลาดหุ้นไทย” แตะจุดสูงสุดได้สำเร็จ ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญญาณบวกจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาท โดยในปี 2565 เงินทุนไหนเข้าตลาดหุ้นไทย 5,960 ล้านดอลลาร์
ทว่า สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ระบุว่ายังมีหลายภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาทดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทย ควรชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานถ้อยแถลงของ มาร์โค สุจริตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส เจ.พี.มอร์แกน บริษัทให้บริการทางการเงิน และการลงทุน ประจำประเทศไทย ว่า การเสนอขายหุ้นไอพีโอในประเทศไทยได้รับอานิสงส์ทางเชิงบวกจากคาดการณ์เงินบาทแข็งค่า รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ
ทั้งนี้ ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา สกุลเงินบาทแข็งค่าขึ้น 12% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งเพียงเดือนม.ค.เดือนเดียวสกุลเงินบาทแข็งค่าเพิ่มขึ้นถึง 5% กลายเป็นสกุลเงินที่เพอร์ฟอร์มได้ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียช่วงนี้
สถานการณ์ที่อาจใช้ทดสอบสมมติฐานข้างต้นของ มาร์โค ได้อย่างเร็วที่สุด คือ การเสนอขายหุ้นไอพีโอของบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ที่วางแผนจะเปิดไอพีโอเร็วๆ นี้ด้วยจำนวนเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์(หรือเกือบๆ 1 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่เป็นมากเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทย
โดย SCGC เป็นบริษัทลูกของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ซึ่งตัดสินใจชะลอการเปิดขายไอพีโอหุ้นดังกล่าวไปในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความผันผวนของราคาพลังงานโลก อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น และมาตรการโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid) ของประเทศจีน
มาร์โค ให้ความเห็นว่า สถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้ภาพรวมตลาดหุ้นของประเทศไทยสดใสขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องให้ฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลกลับประเทศไทยได้ ในขณะเดียวกันบริษัทในภูมิภาคอาเซียนส่วนใหญ่ รวมทั้งบริษัทของประเทศไทยต่างมีความต้องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ดังนั้นการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินบาทจะเป็นผลดีต่อบริษัทดังกล่าวแน่นอน
หนึ่งในสัญญาณบวกหลังจากสกุลเงินบาทแข็งค่าคือ “ดัชนีตลาดหุ้นไทย” หรือ SET Index ที่แตะระดับสูงไปได้สำเร็จ นับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่ผ่านมา ด้วยเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้าสุทธิ 590 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เม็ดเงินรวมในตลาดหุ้นไทยปี 2565 แตะ 5,960 ล้านดอลลาร์ สำเร็จ
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โฆษกรัฐบาลรายงานว่าปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่า 11.2 ล้านคน มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 10 ล้านคน ส่วนปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยอาจแตะ 25 ล้านคน
ส่วนเม็ดเงินจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอในปีที่ผ่านมาลดลง 0.5% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 4,100 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวอาจลดลงอย่างร้อนแรงมากกว่านี้หากไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากดีมานด์ของนักลงทุนในประเทศ
มาร์โค กล่าวต่อว่า “หากพิจารณาการเสนอขายหุ้นไอพีโอในประเทศไทยปีที่แล้ว กว่า 70% – 80% ของการซื้อหุ้นดังกล่าว เป็นแรงซื้อจากนักลงทุนในประเทศ ในขณะที่ดีมานด์จากต่างชาติค่อนข้างต่ำ เป็นผลมาจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศในกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปค”
ทั้งนี้ ค่าเงินบาท ณ วันที่ 25 ม.ค. 2566 เวลา 15.00 น. แตะระดับ 32.83 บาทต่อดอลลาร์ โดยในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาอัตราการส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศของไทยลดลง 14.6% จากปีก่อนหน้า ซึ่งลดลงไปมากกว่าที่นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์
มาร์โค ชี้ว่า การแข็งค่าของสกุลเงินบาทในขณะนี้อาจกระตุ้นให้บริษัทในประเทศไทยมองการนำเม็ดเงินไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น หลังจากที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งต้องพับแผนการลงทุนในลักษณะดังกล่าวออกไปก่อน
แหล่งข่าว เงินบาท ‘แข็งค่า’ หนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทย, bangkokbiznews, 26 ม.ค. 2566
COMMENTS