ถกเถียงกันมากว่า “จุดแข็ง” ไทยเปิดกว้างเทคโนโลยีมีอะไรใหม่มารับหมด – ลงทุนก่อน แต่ “จุดอ่อน” คือ ความไม่พร้อมเชิงนโยบาย ทำให้วันนี้มาตรการ “กฎเหล็ก 6 ไม่ ” ที่ออกมา “คุมการใช้คริปโทฯ ” ซื้อสินค้าและบริการจึงแทบจะเกิดขึ้นได้ยากในไทย!!
ไล่มาตั้งแต่ห้ามโฆษณา – ห้ามบริการชำระ – ห้ามบริการวอลเล็ท – ห้ามบริการโอนเงินบาท – ห้ามโอนสินทรัพย์ดิจิทัล และห้ามให้การสนับสนุน มีผล 1 เม.ย.2565
ออกประกาศมาปุ๊บ มีผลทันทีกับกลุ่มหุ้นตัว JMART ที่มี เหรียญ Jfin ร่วงทันตาเห็นเกือบ 5% ลงมาราคา ต่ำสุด ที่ 48.4 บาท ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มเตรียมนำ เหรียญไปใช้ร่วมกับพันธมิตร BTS ใช้แลกเปลี่ยนสินค้าถึงขั้นใช้แทนตั๋วโดยสารด้วยซ้ำ
ส่วนเหรียญ KUB ก็ไม่รอดแรงขายลงมาต่ำกว่า 300 บาท ที่ 260 บาท ทำให้โปรเจกต์ที่ผนึกกับพันธมิตรอาจจะต้องพับแผนตามไปด้วย
ยิ่งพันธมิตร “รายสำคัญ” และ “รายใหญ่” SCB ที่ประกาศ X เข้าซื้อหุ้นก่อนหน้านี้้จะ พลิกโผ ครั้งใหญ่ก็ได้
หุ้นไทยช่วงนี้ยังไร้ปัจจัยใหม่ จึงแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบแคบๆ ไปไหนไม่ได้ไกล เน้นเห็นเก็งกำไรรายตัว รายกลุ่ม สลับกันไปเรื่อยๆ โดยดัชนีปิดการซื้อขายที่ 1,677.95 จุด เพิ่มขึ้น 0.08 จุด ระหว่างวันแตะระดับสูงสุดที่ 1,686.14 จุด และระดับต่ำสุดที่ 1,676.88 จุด มูลค่าการซื้อขาย 70,229.50 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อ 299.16 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ซื้อ 161.52 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขาย 327.11 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขาย 133.58 ล้านบาท
“กระแสอีวี” มาแรงรับงาน “มอเตอร์โชว์” ส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้อง ทั้งกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ สถานีชาร์จ กอดคอบวกคึกคัก จะเห็นว่าช่วงนี้ใครประกาศรุกธุรกิจอีวีราคาหุ้นพร้อมวิ่งทันที เห็นได้จากบมจ. คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) ที่จับมือกับ กฟผ. เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายอุปกรณ์ชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับที่อยู่อาศัย ภายใต้แบรนด์ “Wallbox” ซึ่งอิมพอร์ตมาจากแดนกระทิงดุ ประเทศสเปน หนุนราคาหุ้นบวกคึก มาปิด 6.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท หรือ 5.56%
ส่วนหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่มักโชว์ฟอร์มได้ดีในช่วงที่มีการจัดงาน ทั้ง “มอเตอร์โชว์” และ “มอเตอร์เอ็กซ์โป” โดยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในเดือนที่มีการจัดงานราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์ให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 5 ใน 6 ครั้ง เฉลี่ย 2.1%
เห็นสถิติแบบนี้จึงไม่แปลกที่ราคาหุ้นหลายตัวบวกคึกคักตั้งแต่วันแรก ที่มีการจัดงาน สวนทางยอดส่งออกรถยนต์เดือนก.พ. ที่ชะลอตัวลงเล็กน้อย 0.02% YoY นำโดย บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) ปิด 20.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 1.95% ส่วน บมจ.ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า (STANLY) ปิด 177 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.28%
อีกตัวที่ไม่รู้ไปกินดีหมีมาจากไหน บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT) พุ่งติดจรวจในช่วงท้ายตลาด ครองตำแหน่งหุ้นที่ราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุด ปิด 4.08 บาท เพิ่มขึ้น 0.62 บาท หรือ 17.92% ด้วยวอลุ่มที่ดูคึกคักมากเป็นพิเศษ งานนี้ไม่รู้จะมีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า?
แต่ที่แน่ๆ สตอรี่ส่วนตัวก็เพียบไม่น้อยหน้าตัวอื่น ทั้งการเปิดตัวรถบัสอีวีของบริษัทลูก ส่วนธุรกิจดั้งเดิมผลิตเบาะรถยนต์ยังไปได้สวย ไม่ได้ถูกดิสรัปจากรถอีวี นอกจากนี้ ยังรุกไปสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ขุดเหมืองขุดบิตคอยน์
ส่วนหุ้นบมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น (FORTH) ใส่เกียร์เดินหน้าทำออลไทม์ไฮ ล่าสุดมาปิด 32.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 7.38% รับกระแสตู้ชงเครื่องดื่มอัตโนมัติ “เต่าบิน” ฮอตฮิตติดลมบน ประหนึ่งยกคาเฟ่มาเสิร์ฟให้ถึงที่ โดยมีสารพัดเมนูร้อน-เย็น ให้เลือกมากมาย ในราคาที่จับจ้องได้ จึงครองใจผู้บริโภคยุคใหม่ไปเต็มๆ กลายเป็นสตอรี่ใหม่ทำให้หุ้น FORTH มีสีสันขึ้นเยอะ
แหล่งข่าว เซ่นมาตรการคริปโทฯ | ออฟเรคคอร์ด, bangkokbiznews, 25 มี.ค. 2565
COMMENTS