Emily เป็นหนึ่งในกองทัพของนักลงทุนรายย่อยที่ร่วมเขย่าตลาดหุ้นในปี 2564 ซึ่งบางคนได้รับโชคลาภจากการปั่นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ออกจากตำแหน่ง short ในหุ้นที่เรียกว่า “มีม” อย่าง GameStop และ AMC Entertainment แต่เวลาต่อมาราคาหุ้น AMC ร่วงลงไปที่ประมาณ 15 ดอลลาร์ ซึ่งบีบให้เธอต้องเทขายออกด้วย naked call options
“ฉันขาดทุน 670,000 ดอลลาร์ หลังจากที่เธอขาย call option ทั้งใน AMC และหุ้นอื่น ๆ ในเดือนพฤษภาคม” Emily กล่าว บัญชีเทรดของเธอกลายเป็นเครื่องเตือนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อตลาดที่เฟื่องฟูล่อลวงนักลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์ให้เข้าไปเสี่ยง
TD Ameritrade ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่ Emily ใช้ เผยร่วมกับโบรกเกอร์ Schwab ว่าได้เพิ่มบัญชีใหม่หกล้านบัญชีในปีนี้ เงื่อนไขต่างๆ สำหรับการซื้อขายของรายย่อยนั้นเริ่มตั้งแต่ก่อนการเกิดโรคระบาดจากแพลตฟอร์มที่สามารถใช้ได้ในมือถือ ทำให้บุคคลทั่วไปสามารถซื้อหุ้นหรือเศษส่วนของหุ้นได้โดยมีค่าคอมมิชชั่นเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
คลื่นของรายย่อยเป็น “เหตุผลหลัก” ที่ทำให้ความต้องการหุ้นทั่วโลกพุ่งสูงถึง 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ นักยุทธศาสตร์ของ JPMorgan Nikolaos Panigirtzoglou กล่าว
ผู้ค้ารายย่อย ในสหรัฐฯ ซื้อหุ้นสหรัฐฯ มูลค่าสุทธิ 281 พันล้านดอลลาร์จนถึงปีนี้ เทียบกับ 240,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2563 และ 38 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562 ตามข้อมูลของ Vanda
ความคลั่งไคล้ของกลุ่มรายย่อยนั้นเด่นชัดที่สุดในตลาดสหรัฐฯ และแม้แต่แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในยุโรปก็กล่าวว่าความคับคั่งโดยทั่วไปนั้นสูงที่สุดในบริษัทในสหรัฐอเมริกา เช่น Tesla, Nio, Apple, Amazon และ GameStop แต่แนวโน้มดังกล่าวกำลังขยายวงกว้างขึ้น
Moscow Exchange ของรัสเซียระบุว่ามีบัญชีรายย่อยอยู่ที่ 26 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นสี่เท่าจากต้นปี 2563 ขณะที่ ในอินเดีย 19% ของการซื้อขายในเดือนพฤศจิกายนเป็นการซื้อขายผ่านโทรศัพท์มือถือ เทียบกับ 7% ในเดือนพฤศจิกายน 2562
อย่างไรก็ตาม การเติบโตของกิจกรรมการซื้อขายชะลอตัว อาจเป็นเพราะธนาคารกลางส่งสัญญาณให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น แพลตฟอร์มออนไลน์ของโบรกเกอร์ eToro เผยมีการซื้อขาย 106 ล้านรายการในไตรมาสที่สามของปี 2564 ครึ่งหนึ่งของยอดรวมในไตรมาสแรก แม้ว่าจะสูงกว่าระดับต้นปี 2562 ที่ 63 ล้านรายการก็ตาม
แหล่งข่าว U.S. judge dismisses claims that LinkedIn overcharged advertisers โดย Reuters
COMMENTS