นักศึกษากว่า 150,000 รายยังคงเข้าญี่ปุ่นไม่ได้จากนโยบายการยับยั้งการแพร่ระบาดของรัฐบาลญี่ปุ่น
การไม่มีนักศึกษาต่างชาติและนักวิจัยต่างชาติกำลังส่งผลต่อห้องปฏิบัติการขนาดใหญ่ไปจนถึงมหาวิทยาลัยเอกชนขนาดเล็ก ขณะที่ญี่ปุ่นกำลังหาทางออกสำหรับปัญหาจำนวนประชากรที่ลดน้อยลง สิ่งที่ไม่ชัดเจนคือผลกระทบระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมีชื่อเสียงด้านวิชาการในระดับโลก
Piero Carninci นักพันธุศาสตร์ของสถาบันวิจัย Riken กล่าวว่าเขาเห็นผลกระทบโดยตรงจากการที่ญี่ปุ่นขาดแคลนนักวิจัยที่สำคัญตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา “การทำงานในห้องแล็บของฉันเป็นไปอย่างเชื่องเช้า โดยสถาบันของเรากำลังแก้ปัญหาดังกล่าว”
ไม่ใช่เพียงญี่ปุ่นแต่หลายประเทศก็มีนโยบายปิดพรมแดนเช่นกัน ในสหรัฐฯ พบว่าการลงทะเบียนนักศึกษาต่างชาติลดลง 43% ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 จากปีที่แล้ว ขณะที่วีซ่าแรงงานอพยพ 80,000 คนได้หมดอายุลงในปีที่แล้ว
จากปัญหาดังกล่าว นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากกว่า 100 คนร่วมลงนามในหนังสือขอให้มีการเปิดพรมแดนอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมีการเสนอเรื่องผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 33,000 รายชื่อ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลเผยว่าจะยกเว้นและอนุญาตให้นักเรียนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ 87 คนสามารถเดินทางเข้าประเทศได้
ในด้านผู้ประกอบการ ฮิโรชิ มิกิทานิ หัวหน้าผู้บริหารของกลุ่มอีคอมเมิร์ซ Rakuten ซึ่งว่าจ้างวิศวกรต่างชาติเพื่อดำเนินธุรกิจ กล่าวว่าแนวทางดังกล่าวควรได้รับการพิจารณาใหม่ เนื่องจากไม่ได้ผลในทางปฏิบัติและเป็นผล “ลบต่อเศรษฐกิจ”
นอกจากนี้ Davide Rossi ผู้บริหารหน่วยงานส่งเสริมการศึกษาในต่างประเทศ กล่าวว่า ญี่ปุ่นไม่ใช่จุดหมายปลายทางหลักสำหรับการศึกษาและวิจัยในเอเชียตะวันออกอีกต่อไป เนื่องจากปัจจุบันมีนักศึกษาจำนวนมากขึ้นที่เดินทางไปเกาหลีใต้
แหล่งข่าว Japan’s border crackdown leaves students in limbo and economy in a pinch โดย Reuters
COMMENTS