สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบของสหรัฐสะท้อนว่าอุปทานน้ำมันจะยังคงตึงตัวในช่วงต้นปีใหม่แม้มีความกังวลต่อ Omicron ซึ่งทำให้การใช้เชื้อเพลิงลดลง
OPEC+ ยังคงเพิ่มการผลิต ขณะที่ การขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อเนื่องจากอุปสงค์ของนักลงทุน ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้นจากการระบาดที่น้อย ทำให้เกิดการเบิกจ่ายสต็อกค่อนข้างคง
สัญญาน้ำมันที่มีกำหนดส่งมอบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านั้นมีราคาสูงกว่าสัญญาซื้อขายน้ำมันที่ไกลออกไปสะท้อนอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น บาร์เรลน้ำมันที่ส่งมอบในเดือนมิถุนายนมีการขายที่ระดับพรีเมียม 4.10 ดอลลาร์ สำหรับการส่งมอบในเดือนธันวาคม บาร์เรลขายที่ระดับพรีเมียม 5.70 ดอลลาร์จนถึงเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นระดับพรีเมียมที่สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.
สต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ลดลงติดต่อกันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ภายในสิ้นปีนี้ มาอยู่ที่ 417.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. ตามรายงานของ EIA
OPEC+ ค่อยๆ ผ่อนคลายการลดกำลังการผลิตในปี 2563 เนื่องจากอุปสงค์ฟื้นตัว แต่ผู้ผลิตรายย่อยจำนวนมากไม่สามารถเพิ่มอุปทานได้
ข้อมูล EIA เผยว่า การผลิตของสหรัฐยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 13 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงปลายปี 2562 ซึ่งทำให้ประเทศนี้เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลกโดยมีค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์อยู่ที่ 11.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
แม้ว่าตลาดฟิวเจอร์สน้ำมันจะหยุดการแรลลี่ในปลายเดือนพฤศจิกายนและบางช่วงในเดือนธันวาคมจากการแพร่กระจายของ Omicron และราคาก็กลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ความต้องการเชื้อเพลิงของสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยตลอดสี่สัปดาห์เพิ่มขึ้นเป็น 21.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์ที่ถึงวันที่ 24 ธันวาคม ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2562
แหล่งข่าว U.S. oil futures show tight supply to stay despite Omicron fears โดย Reuters
COMMENTS