การร่วงลงในช่วงต้นของ S&P 500 ในวันจันทร์ทำให้ดัชนีหุ้นที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลกเข้าใกล้การยืนยันการปรับฐานนับตั้งแต่การล่มสลายของตลาดในปี 2020 จากการระบาดใหญ่
S&P ร่วงลงกว่า 4% จากความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและสถานการณ์การเมืองในยูเครน โดยดัชนีลดลงกว่า 10% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อ 3 ม.ค. ก่อนที่จะเด้งกลับเพื่อปิดบวก 0.3% แบบรายวัน แต่จนถึงขณะนี้ ดัชนีลดลงแล้ว 8.1% จากสถิติเดิม ซึ่งจะถือเป็นการปรับฐานที่ได้รับการยืนยันหากดัชนีปิดย่อลง 10% หรือมากกว่านั้น
“นักลงทุนกังวลเพราะไม่มีใครรู้ว่าประธานเฟด จะทำอะไร จะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง หรือ 4-5 ครั้งหรือไม่?” Gary Bradshaw ผู้จัดการพอร์ตของ Hodges Capital Management กล่าว
ดัชนีรัสเซลล์ 2000 ของหุ้นขนาดเล็กลดลงมากกว่า 20% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพฤศจิกายนเมื่อวันจันทร์ก่อนที่จะพลิกกลับขึ้นมาที่ 2.3% ในวันนี้ แต่ยังคงลดลงประมาณ 17% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ หากมีการปิดย่อลงที่ 20% หรือมากกว่านั้นจะนับเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงในตลาด
Jake Dollarhide ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Longbow Asset Management กล่าวว่าการแตะระดับต่ำสุดในช่วงต้นของเซสชั่นอาจทำให้เกิดสัญญาณซื้อ “หุ้นกลุ่มเล็กรัสเซล 2000 ที่ลดลง 20% (จากสถิติ) อาจเป็นตัวบ่งชี้ที่มีนัยสำคัญ”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Nasdaq ยืนยันการปรับฐานครั้งที่สี่นับตั้งแต่เริ่มต้นการระบาดใหญ่ และตอนนี้ลดลงประมาณ 14% นับตั้งแต่ที่ทำสถิติสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมีแนวโน้มที่จะทำร้ายหุ้นของบริษัทที่มีการเติบโตสูงอย่างกระจัดกระจาย เนื่องจากนักลงทุนให้ความสำคัญกับรายได้โดยพิจารณาจากรายได้ที่คาดการณ์ไว้ในปีต่อๆ ไป และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำลายมูลค่าของรายได้ในอนาคตมากกว่ามูลค่าของรายได้ที่เกิดขึ้นในระยะสั้น
หลังจากการลดลงของ S&P 500 ในเดือนนี้ ดัชนีมีการซื้อขายที่ประมาณ 21 เท่าของรายได้ที่คาดหวัง ซึ่งยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี ตามข้อมูลของ Refinitiv พลังงานเป็นดัชนีกลุ่มเดียวใน 11 กลุ่มใน S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นทุกปีจนถึงปัจจุบันที่ 13% ขณะที่ กลุ่มการตัดสินใจของผู้บริโภคและเทคโนโลยีทำผลงานที่แย่ที่สุดในปี 2565 ที่ประมาณ 11%
แหล่งข่าว S&P 500 eyes first correction since 2020 pandemic collapse โดย Reuters
COMMENTS