บอร์ดสลากกินแบ่งมีมติขายหวยผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า สำนักงานสลากได้รายงานความคืบหน้าการเปิดลงทะเบียนผู้ซื้อจองสลากกินแบ่งรายใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาใบละ 80 บาท โดยตั้งแต่เปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 1 -27 ม.ค.2565 มีผู้ลงทะเบียนแล้ว 8.78 แสนราย ถือว่าเกินความคาดหมาย จากเดิมคาดว่า จะมีผู้มาลงทะเบียน 4 แสนราย – 5 แสนราย ดังนั้น คาดว่า เมื่อสิ้นสุดการลงทะเบียนวันที่ 31 ม.ค.นี้ คาดว่า ยอดการลงทะเบียนซื้อจองผู้ค้าสลากรายใหม่จะทะลุ 1 ล้านราย หรือใกล้เคียง 1 ล้านราย หลังจากนั้น สำนักงานสลาก จะเข้าสู่กระบวนการคัดกรองในเวลา 2 เดือน เพื่อให้ได้ผู้ค้าสลากตัวจริงจำนวน 2 แสนราย เพื่อเริ่มขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาในละ 80 บาทงวดวันที่ 2 พ.ค.นี้ โดยผู้ค้าจะต้องมารับสลากวันที่ 19-21 เม.ย.นี้

ส่วนโครงการสลาก 80 บาท ขณะนี้​ ปิดการลงทะเบียนแล้วพบว่า มีผู้สนใจมาลงทะเบียน 4.78 พันราย แม้จะเป็นจำนวนมาก แต่ไม่กระจายครบทุกอำเภอตามเป้าหมายของสำนักงานสลาก ซึ่งหลังจากนี้สำนักงานสลาก จะคัดกรองให้ได้ผู้ค้าตัวจริง 1 พันรายก่อน เพื่อจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 2 พ.ค.นี้

นอกจากนี้​ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้สำนักงานสลาก สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัล(Digital​ Lottery) เพื่อเป็นช่องทางการจำหน่ายสลากให้กับผู้ได้รับสิทธิ ด้วยวิธีการสแกนสลากตัวจริงแล้วนำไปโพสต์ขายบนแพลตฟอร์มหรือมาร์เก็ตเพลสของสำนักงานสลากฯ เมื่อทำการซื้อขายสลากฯได้แล้ว จะมีเอกสารหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมภาพสลากกินแบ่งเป็นหลักฐาน โดยสำนักงานสลาก จะจัดเก็บข้อมูลไว้ โดยสลากใบที่ตกลงซื้อขายแล้ว จะไม่มีขายอีก และไม่สามารถเปลี่ยนสิทธิได้ เพราะมีเพียงใบเดียวเท่านั้น โดยราคาขายจะต้องขาย​ 80​ บาทเท่านั้น

ส่วนกรณีใกล้วันออกรางวัลสลากกินแบ่ง ผู้ฝากขายสลากบนแพลตฟอร์ม สามารถปรับลดราคาขายสลากได้ต่ำกว่า 80 บาทได้ เพื่อระบายจำนวนสลากบนแพลตฟอร์มดิจิทัลของสำนักงานสลาก โดยผู้ที่ได้รับโควตาสลากจะต้องลงทะเบียนการขายผ่านแพลตฟอร์มของสำนักงานสลากและเปิดบัญชีกับธนาคารกรุงไทยและดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นถุงเงิน​ ส่วนผู้ซื้อจะต้องซื้อผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง

สำหรับการขายสลากผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลนั้น เนื่องจากเป็นการจำหน่ายสลากผ่านอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้ชื่อ”แพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยยังคงเป็นการจำหน่ายสลากที่สำนักงานสลากเป็นผู้ออก มีการกำหนดประเภทและรูปแบบเหมือนเดิมทุกประการ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เป็นเพียงแต่การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น