SEARCH

รอยเตอร์สโพลชี้เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps ในเดือนมีนาคม

อสังหาฯส่งสัญญาณเทิร์นอะราวนด์จี้รัฐหนุนมาตรการดึงแรงซื้อต่างชาติ
น้ำมันพุ่งจากกรณีการเสียชีวิตใกล้กรุงเคียฟ
ttb ชี้ เงินบาทยังอ่อนค่า ตามค่าเงินในภูมิภาค

รอยเตอร์สโพลชี้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเดือนมีนาคมที่ 25 bps และบางส่วนเชื่อว่าอาจสูงถึง 50 bps ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐที่เงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมกับลดงบดุลลง

นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นรายไตรมาสในปีนี้เพื่อแตะระดับ 1.25-1.50% ภายในสิ้นเดือนธันวาคม ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่เมื่อสองปีก่อน หนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถาม 21 คนจาก 84 คน มีอัตราสูงขึ้นภายในสิ้นปี 2565

นอกจากนี้ เฟดยังคาดว่าจะเริ่มลดงบดุลได้เร็วกว่าในรอบก่อนหน้า โดยเริ่มในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม เพียงไม่กี่เดือนหลังจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก โดยจะเริ่มต้นด้วยการตัดเงิน 60,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน และคาดว่างบดุลของเฟดจะมีมูลค่า 5.5-6.5 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นสุดการทำ QT ทั้งนี้ แม้มูลค่างบดุลของเฟดจะลดลงประมาณ 30% แต่ก็ยังมากกว่าก่อนเกิดการระบาดใหญ่ประมาณ 4 ล้านล้านดอลลาร์

Philip Marey นักยุทธศาสตร์อาวุโสของสหรัฐใน Rabobank กล่าวว่า เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าอัตราดอกเบี้ยเป็นกลางอยู่ที่ใด เฟดอาจยุติการกระชับนโยบายเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และนั่นอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยในท้ายที่สุด กระนั้นเฟดก็ไม่คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% จนถึงอย่างน้อยจนถึงปี 2024

ดัชนี PCE ถูกคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 3.9% และ 2.4% ในปีนี้และปีหน้า ก่อนที่จะตกลงมาอยู่ที่ 2.1% ในปี 2024 ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดการณ์ไว้ที่ 7.1% ในไตรมาสนี้ ก่อนที่จะตกลงมาอยู่ที่ 2.3% ภายในสิ้นปีหน้า และเฉลี่ย 5.0% และ 2.5% ในปี 2022 และ 2023 ตามลำดับ

การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสนี้ถูกปรับลดเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันที่ 1.6% ต่อปี คาดว่าจะดีดตัวขึ้นเป็น 3.8% ในไตรมาสหน้าและค่อย ๆ ชะลอตัวลง ทั้งนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจคาดว่าจะอยู่ที่เฉลี่ย 3.7% และ 2.5% ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลงจากการสำรวจความคิดเห็นในเดือนมกราคม

แหล่งข่าว Fed to raise rates 25 bps in March but calls for 50 bps grow louder โดย Reuters

COMMENTS

WORDPRESS: 0
DISQUS: 0