หุ้นสหรัฐร่วงลงเพื่อปิดไตรมาสแรกของวันพฤหัสบดีโดยลดลงรายไตรมาสที่ใหญ่ที่สุดในรอบสองปีเนื่องจากความกังวลยังคงมีอยู่เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ปัญหาเงินเฟ้อ และนโยบายของเฟด
ในขณะที่การมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพที่เป็นไปได้ระหว่างยูเครนและรัสเซียช่วยให้หุ้นสูงขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียขู่ในวันพฤหัสบดีที่จะหยุดสัญญาจัดหาก๊าซหนึ่งในสามให้แก่ยุโรป แต่จะขายให้ด้วยสกุลเงินรูเบิล
สหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียฉบับใหม่ และประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐได้ปล่อยน้ำมันสำรองฉุกเฉินครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ เพื่อลดราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงสงคราม
รายงานดัชนี PCE ไม่รวมอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.4% “เลข PCE ออกมาวันนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เฟดคาดการณ์ไว้ แต่ก็สูงกว่าเมื่อเดือนที่แล้ว และความรู้สึกว่ามันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ” เคน โพลคารี หุ้นส่วนผู้จัดการของ Kace Capital Advisors กล่าว “เฟดคงจะแข็งกร้าวมากขึ้น โดยการมีการขึ้นถึง 50 จุดหลายจุด”
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 550.46 จุดหรือ 1.56% สู่ 34,678.35 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 72.04 จุดหรือ 1.57% สู่ 4,530.41 จุด และ Nasdaq Composite ลดลง 221.76 จุดหรือ 1.54% เป็น 14,220.52 จุด
สำหรับไตรมาสนี้ S&P 500 ร่วงลง 4.9% ดาวโจนส์ร่วง 4.6% และ Nasdaq ลดลง 9.1% แต่สำหรับเดือน S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.6% ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 2.3% และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 3.4%
ด้านหุ้นรายตัว กลุ่มร้านขายยา Walgreens Boots Alliance ร่วงลง 5.67% หลังจากที่บริษั รักษาการคาดการณ์ในปี 2023
ปริมาณการแลกเปลี่ยนในสหรัฐอยู่ที่ 12.08 พันล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ย 13.9 พันล้านหุ้นสำหรับช่วงเต็มในช่วง 20 วันทำการล่าสุด
S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ใหม่ 53 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่อีก 8 ครั้ง Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 57 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่ 103 ครั้ง
แหล่งข่าว Wall Street falls as S&P suffers biggest quarterly drop in two years โดย Reuters
COMMENTS