SEARCH

วอลล์สตรีทร่วงจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโต

SCB เดินหน้าลุยธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล แม้ดีลซื้อหุ้น BITKUBล่ม
วอลล์สตรีทปิดบวก นักลงทุนจับตารายงาน NFP
กระชาก KCE-HANA |ออฟเรคคอร์ด

วอลล์สตรีทปิดตัวลงอย่างรวดเร็วในวันพุธ โดย Target สูญเสียมูลค่าตลาดหุ้นประมาณหนึ่งในสี่ตอกย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ

กำไรไตรมาสแรกของ Target Corp ลดลงครึ่งหนึ่ง ขณะที่บริษัทออกคำเตือนถึงต้นทุนเชื้อเพลิงและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น หุ้นของบริษัทร่วงลงประมาณ 25% โดยสูญเสียมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดประมาณ 25 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์ Black Monday พังเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 1987 นอกจากนี้ ค้าปลีกอย่าง Walmart Inc ก็ปรับลดประมาณการกำไร SPDR S&P Retail ETF ลดลง 8.3% พอล คริสโตเฟอร์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาดระดับโลกของ Wells Fargo Investment Institute กล่าวว่า “เราคิดว่าผลกระทบที่เพิ่มขึ้นต่อการใช้จ่ายมาจากอัตราเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ”

หุ้นเติบโต megacap ตบเท้าร่วงลง Amazon, Nvidia และ Tesla Inc ลดลงเกือบ 7% ขณะที่ Apple ลดลง 5.6%

อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ความขัดแย้งในยูเครน ปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ยืดเยื้อ การปิดเมืองที่ในจีน และการเข้มงวดนโยบายการเงินโดยธนาคารกลางได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก Wells Fargo กล่าวว่าคาดว่าสหรัฐจะถดถอยเล็กน้อยในช่วงปลายปี 2022 และต้นปี 2023

S&P 500 ลดลงประมาณ 18% จนถึงปี 2022 และ Nasdaq ร่วงลงประมาณ 27% โดยได้รับผลกระทบจากหุ้นเติบโตที่ร่วงลง ข้อมูลของ Refinitiv ระบุว่าเกือบสองในสามของหุ้น S&P 500 ลดลง 20% หรือมากกว่าจากระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์

ดัชนีความผันผวน CBOE เพิ่มขึ้นเป็น 31 จุดหลังจากตกลงมา 6 ครั้งติดต่อกัน ปริมาณการแลกเปลี่ยนในสหรัฐอยู่ที่ 12.5 พันล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ย 13.4 พันล้านในช่วง 20 วันทำการล่าสุด

S&P 500 โพสต์สูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ใหม่และ 37 จุดต่ำสุดใหม่ Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 25 จุดและระดับต่ำสุดใหม่ 242 จุด

แหล่งข่าว Wall Street ends sharply lower as Target and growth stocks sink โดย Reuters

COMMENTS

WORDPRESS: 0
DISQUS: 0