หุ้นไทยดิ่งลงแรงตามภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีดาวโจนส์ลดลงกว่า 1,000 จุด จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณใช้ยาแรง เปิดทางขึ้นดอกเบี้ยแบบรุนแรง เพื่อสกัดเงินเฟ้อสูง ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น กดดันหุ้นไทย ลงไปทำจุดต่ำสุดลบ 28.23 จุด หลุด 1,600 จุด มาที่ 1,592.10 จุด
ขณะที่ยังกลับมากังวลนโยบายคุมไวรัสโควิด-19 ให้เหลือศูนย์ (zero-COVID) ของรัฐบาลจีน และผลกระทบเศรษฐกิจจากสงครามยูเครน-รัสเซีย และราคาน้ำมันดิบโลกยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
บล.เอเซียพลัส ชี้ว่า สงครามรัสเชีย-ยูเครนที่ยังดูยืดเยื้อ กระทบบรรยากาศการลงทุน และทิศทางราคาน้ำมันโลก หลังสวีเดนและฟินแลนด์ยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การนาโตแล้ว โดยนายกฯของสวีเดน กล่าวว่า การเป็นสมาชิกนาโตจะเพิ่มความแข็งแกร่ง ด้านความมั่นคงให้สวีเดน
บล.เอเซียพลัส ยังประเมินว่า หุ้นค้าปลีกไทยมีโอกาสผันผวนจากความกังวลเงินเฟ้อตามสหรัฐฯ โดยการปรับตัวลงดัชนี S&P500 นำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีก จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ เงินเฟ้อที่สูงขึ้น และการเพิ่มขึ้นของค่าขนส่ง อาจมี sentiment เชิงลบต่อราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกในไทย
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะกลยุทธ์ลงทุน เน้นหุ้น Value Play ที่มี PER/PBV ต่ำ และมีแนวโน้มกำไร Q2/65 ที่แข็งแรงต่อเนื่อง ซึ่งคาดปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาด สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาวยังไม่แนะนำเพิ่มพอร์ตหลังให้สะสมไปแล้วบริเวณ 1,600+- จุด
ทิสโก้แนะนำ “ซื้อ” หุ้น RS มองแนวโน้มฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q22 เป็นต้นไป ให้ราคาเป้าหมาย 21.30 บาท และหุ้น BEM ชี้การฟื้นตัวชัดเจนจากการเปิดเมือง คาด 2Q22 เติบโต แนะ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 9.80 บาท.
แหล่งข่าว ปัจจัยลบรอบด้าน!!, ไทยรัฐ, 20 พ.ค. 2565
COMMENTS