บล.กสิกรไทย ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางตลาดหุ้นในระยะต่อไป คือ การประชุมประจำปีของ Fed ที่เมือง Jackson Hole โดยคาดว่าในครั้งนี้ Fed น่าจะส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หรือไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงชะลอการลด Balanc sheet
ซึ่งหากออกมาในโทน Dovish ตามคาดประเมินจะบวกกับตลาดหุ้น โดยตลาดหุ้นไทยมีโอกาสขึ้นไปทดสอบระดับ 1,666 จุด แต่ในระยะสั้นอาจจะพักฐานก่อนเนื่องจาก
1.) SET Index ปรับขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. ราว 4.2% และเกิดสัญญาณ Overbought
2.) ความกังวล Geopolitic Risk จีน-ไต้หวัน โดยจีนประกาศขยายพื้นที่เขตซ้อมรบจาก 6 แห่งเป็น 7 แห่งล้อมรอบเกาะไต้หวัน ระยะเวลายังต่อเนื่องจนถึงวันที่ 7 ส.ค. และจีนยิงขีปนาวุธข้ามไต้หวันไปลงทะเลอีกฟาก
คำแนะนำการลงทุน คือ ทยอยสะสมหุ้นบริเวณ 1,585 จุด และ 1,555 จุด ซึ่งเน้นสะสมหุ้นในกลุ่ม การเงิน คือ MTC, กลุ่ม Anti Commodity คือ PTG, OR กลุ่มโรงไฟฟ้า แนะนำ BGRIM, กลุ่ม Tech Consult แนะนำ BE8, BBIK
ส่วนกลุ่มที่ยังแนะนำชะลอลงทุน คือ
กลุ่ม Global Play อาทิ กลุ่มพลังงาน กลุ่มน้ำมัน กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มยานยนต์ จากความกังวล Recession รวมถึงหุ้นในกลุ่มส่งออกที่จะได้รับ Sentiment ลบหลังจากล่าสุดเงินบาทกลับมาแข็งค่าแรงหลุด 36 บาท ลงมาอยู่ที่ 35.80 บาท
ขณะเดียวมีความเสี่ยงที่จะทำให้ SET Index ปรับฐานแรงในระถัดไป คือ
1.) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่ำกว่า 90 ดอลลาร์ ประเมินกลุ่มพลังงานจะเป็น Sector หลักที่กดตลาดหุ้น
2.) สงครามรัสเซีย –ยูเครน และ ไต้หวัน จีน สหรัฐ รุนแรงขึ้น
3.) การหยุดส่งก๊าซของรัสเซียให้กับยุโรปอย่างกะทันหัน
4.) อัตราเงินเฟ้อที่ยังสูงอย่างมากจะบังคับให้ Fed มีท่าทีใช้นโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น
5.) การชะลอการเปิดพรมแดนของจีนและการคงนโยบาย zero-COVID
แหล่งข่าว บล.กสิกรไทย เตือน 5 ปัจจัยเสี่ยงกดดันหุ้นไทยปรับฐานแรง, bangkokbiznews, 07 ส.ค. 2565
COMMENTS