กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่าเอเชียแปซิฟิกมีโอกาสสูญเสียมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ หากระบบการค้าโลกเข้าสู่ช่วงวิกฤติจากความตึงเครียดทางการเมือง
IMF ระบุว่า GDP ของเอเชียและแปซิฟิกอาจลดลงมากกว่า 3% หากการค้าถูกกระทบจากการคว่ำบาตรด้านชิปของสหรัฐกับแก่และหากอุปสรรคที่ไม่เกี่ยวโยงภาษีถูกยกระดับขึ้นเป็น “สงครามเย็น” ขณะที่การจ้างงานอาจลดลงโดยเฉลี่ยสูงถึง 7%
กฤษณะ ศรีนิวาสัน ผู้อำนวยการแผนกเอเชียและแปซิฟิกของ IMF กล่าวในงานแถลงข่าวที่สิงคโปร์เมื่อวันศุกร์ว่า “เอเชียเสี่ยงจะรับผลกระทบหนักเพราะผู้เล่นหลักในฐานะซัพพลายเชนของโลก”
สัญญาณผลกระทบกำลังเกิดขึ้นทั่วโลกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในปี 2018 และขณะนี้ก็มีสัญญาณที่น่าเป็นห่วงยิ่งขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งทั้งหมดล้วนเพิ่มความไม่แน่นอนมากขึ้นต่อสถานการณ์การค้า IMF ยกตัวอย่างถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในปี 2018 ที่ทำให้ 2 ปีหลังจากนั้นการลงทุนลดลงประมาณ 3.5%
หน่วยงานระหว่างประเทศจึงเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ยกเลิกข้อจำกัดทางการค้าและลดความไม่แน่นอนผ่านการสื่อสารวัตถุประสงค์ด้านนโยบายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ จากความกังวลที่กำลังเกิดขึ้นทำให้เงินทุนเริ่มไหลออกจากเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น กอปกรกับการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟดซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยของภูมิภาคนี้ตามหลังสหรัฐอยู่ “เราเห็นเงินทุนไหลเข้าจำนวนมากในอินเดีย ไต้หวัน จีน และกระแสปานกลางในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ขณะที่ไทยเริ่มมีการไหลเข้าบ้างแล้ว ดังนั้นภาพรวมขณะนี้จึงออกมาแบบผสม”
แหล่งข่าว Asia would be the biggest loser if the global economy splits up, IMF warns โดย Reuters
COMMENTS