หุ้นเอเชียร่วง หลังพาวเวลล์เตือนเงินเฟ้อ

หุ้นเอเชียร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 14 เดือน บอนด์ยีลด์ระยะสั้นของสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 23 เดือน และดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณแผนปรับนโยบายให้เข้มงวดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกัน ความกังวลของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างรัสเซียและยูเครน ได้ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานในตลาดพลังงานตึงตัวมากขึ้น ราคาน้ำมันสูงขึ้นที่ระดับสูงสุดในรอบหลายปี

ในการปรับปรุงนโยบายล่าสุดเมื่อวันพุธ เฟดระบุว่ามีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในเดือนมีนาคม ตามที่มีการคาดการณ์ในวงกว้าง และยืนยันแผนการที่จะยุติการซื้อพันธบัตรก่อนที่จะเริ่มลดงบดุล

หุ้นเอเชียร่วงลง โดยดัชนีภูมิภาค MSCI ยกเว้นญี่ปุ่นลดลง 1.6% ในการซื้อขายช่วงต้นของวันพฤหัสบดีสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2020
ดัชนี Hang Seng และหุ้นออสเตรเลียลดลง 2% และดัชนีบลูชิปของจีนลดลง 0.2% ดัชนี Nikkei ร่วงลง 1.9% แตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020

บอนด์ยีลด์อายุ 2 ปีที่อ่อนไหวต่อนโยบายของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นท่ามกลางความคาดหมายของเฟดที่แข็งกร้าว โดยเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 1.1780% ในการค้าช่วงเช้าในเอเชีย บอนด์ยีลด์ดัชนีอ้างอิงอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นจากการปิดของวันพุธเป็น 1.8548%

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 96.557 เยนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยที่ 114.57 ขณะที่ ยูโรอ่อนค่าลงที่ 1.1230 ดอลลาร์

ความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับที่เห็นครั้งล่าสุดในเดือนตุลาคม 2557 ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทั่วโลกลดลง 0.2% ที่ 89.75 ดอลลาร์ น้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐ ลดลง 0.2% ที่ 87.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาทองคำย่อตัวลง 0.1% ที่ 1,816.42 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า

แหล่งข่าว Asian shares slump as Powell warns on inflation โดย Reuters