นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์รายได้ปี 2565 จะเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.34 แสนล้านบาท เนื่องจากธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นสูงสุด (จุดพีค) ที่ 400 ดอลลาร์ต่อตัน และราคาก๊าซธรรมชาติปรับขึ้นทะลุ 5 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู โดยระยะสั้นคาดว่าราคาจะยังทรงตัวสูง แม้เชื่อว่าระยะยาวราคาจะปรับลงมาอยู่ในระดับสมเหตุสมผลอีกครั้ง แต่จะต้องประเมินสถานการณ์หลังความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
อย่างไรก็ดีผลกระทบจากปัญหาระหว่างรัสเซียกับยูเครนนั้น บริษัทมีการวางแผนป้องกันความเสี่ยงในทุกธุรกิจของ BANPU ในทางกลับกัน อยู่ระหว่างมองหาโอกาสจากที่สหรัฐและชาติพันธมิตรมองหาการนำเข้าถ่านหินจากประเทศอื่นๆ แทนรัสเซีย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นในระดับสูงนั้น ยอมรับว่ามีผลกระทบ แต่บริษัทสามารถลดต้นทุนผ่านการลดการใช้น้ำมัน รวมถึงการขายสินค้าให้ได้ราคาตลาดเพื่อนำมาหักกลบ
สำหรับการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบันบริษัทไม่ได้ทำ Hedging โดยในส่วนของถ่านหินทำในสัดส่วนที่ต่ำมากเพียง 2% เท่านั้น เพราะมีนโยบายปล่อยราคาลอยตัว ขณะที่การขายก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีรูปแบบเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) จะทำในสัดส่วนที่เหมาะสมราว 50% ตามภาวะตลาด เพื่อรับประโยชน์จากแนวโน้มราคาที่เป็นขาขึ้น
ในส่วนของแผนการลงทุนในปี 2565 สำหรับธุรกิจต้นน้ำ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในเหมืองแร่นิกเกิล ประเทศออสเตรเลียและอินโดนีเซีย เพื่อสนับสนุนธุรกิจแบตเตอรี่ไฟฟ้า สอดคล้องกับแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทที่มองหาการลงทุนในธุรกิจแร่ที่มีศักยภาพ (Strategic Mineral) โดยในส่วนของแร่นิกเกิล วางเป้าหมายเข้าไปลงทุนในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่เพื่อบริหาร ขณะที่แร่อื่นๆ จะเป็นการลงทุนในฐานะผู้ถือหุ้นที่มีขนาดเล็กลงมา หรือไม่ได้เข้าไปบริหาร แต่เพื่อต่อยอด (Synergy) กับธุรกิจของ BANPU เท่านั้น
COMMENTS