สำนักงานการจัดการและการประเมินงบประมาณ (OMB) ประเมินว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในงบประมาณภายในสิ้นศตวรรษนี้อาจคิดเป็น 7.1% ต่อปี หรือเท่ากับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี นอกจากนี้ รัฐบาลกลางอาจต้องทุ่มงบเพิ่มอีก 25 พันล้านดอลลาร์ถึง 128 พันล้านดอลลาร์ต่อปีสำหรับค่าใช้จ่ายในการบรรเทาภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น
สำนักงานบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration) ระบุในเดือนมีนาคมว่า ความแห้งแล้งรุนแรงที่ปกคลุมพื้นที่บางส่วนของฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ตั้งแต่กลางปี 2020 มีแนวโน้มว่าจะยังคงมีอยู่หรือแย่ลงในฤดูใบไม้ผลินี้
นอกจากนี้ OMB กล่าวว่าไฟป่าที่เพิ่มขึ้นสามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายในการปราบปรามไฟของรัฐบาลกลางระหว่าง 1.55 พันล้านดอลลาร์ถึง 9.6 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
พรรคเดโมแครตซึ่งวางตำแหน่งตัวเองเป็นแชมป์ในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังถูกบังคับให้สนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันในประเทศและการส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลวไปยังยุโรป เนื่องจากสงครามของรัสเซียกับยูเครนทำให้อัตราเงินเฟ้อพลังงานสูงขึ้น
ร่างกฎหมาย “Build Back Better” ของประธานาธิบดี ซึ่งมีเงินทุนหลายแสนล้านดอลลาร์เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสนับสนุนพลังงานสะอาด ก็กำลังถูกขัดขวางในวุฒิสภา โดยเมื่อปลายเดือนที่แล้วไบเดนได้ยื่นแผนงบประมาณมูลค่า 5.8 ล้านล้านดอลลาร์ต่อรัฐสภา แต่ในด้านแมนชินผู้นำสภาล่างไม่ลงคะแนนเสียงให้ร่างกฎหมายนี้เพราะมองว่าจะทำให้การขาดดุลแย่ลง ทั้งนี้ ในแผนงบประมาณดังกล่าวมีการใช้งบถึง 45 พันล้านดอลลาร์เพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปีงบประมาณ 2023 เพิ่มขึ้นเกือบ 60% จากปีงบประมาณ 2021
แหล่งข่าว Exclusive: Climate change could cost U.S. budget $2 trillion a year by the end of the century, White House says โดย Reuters
COMMENTS