ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ขึ้นเฉลี่ย 16.7% ในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากแรงหนุนเหยี่ยวของเฟดและความวุ่นวายทางการเงินทั่วโลก
ฤดูกาลรายงานผลประกอบการของบริษัทกำลังจะเริ่มขึ้น ดอลลาร์ที่แข็งขึ้นนั้นอาจทำให้สินค้าที่ส่งออกของสหรัฐแข่งขันได้น้อยลง ขณะที่บรรษัทข้ามชาติจะต้องแปลงสกุลเงินมาเป็นดอลลาร์
Erik Knutzen หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของพอร์ตการลงทุนหลายกลุ่มสินทรัพย์ของ Neuberger Berman กล่าว “สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนต้องระวังมากขึ้น”
โดยในด้าน Ohsung Kwon นักยุทธศาสตร์ด้านตราสารทุนของสหรัฐใน Bank of America Securities คาดว่าดอลลาร์ที่แข็งค่านั้นจะทำให้ผลกำไรของบริษัทใน S&P 500 ลดลง 5-6% จาก 2% ในไตรมาสก่อน
นักวิเคราะห์คาดว่ากำไร S&P 500 ในไตรมาสที่สามซึ่งจะเริ่มทยอยเข้าสู่ฤดูกาลในสัปดาห์หน้าจะเพิ่มขึ้น 4.5% จากปีที่แล้ว ซึ่งลดลงจาก 11.1% ของคาดการณ์เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมจาก Refinitiv
ดัชนี S&P 500 ลดลงประมาณ 21% ในปีนี้ โดยนักลงทุนคาดว่าความผันผวนจะไม่สิ้นสุดลงจนกว่าจะมีสัญญาณชัดเจนว่าเฟดเอาชนะเงินเฟ้อได้ “ดอลลาร์ที่แข็งค่ายังคงเป็นอุปสรรคต่อหุ้น และเรายังไม่เห็นว่าดอลลาร์ที่จะอ่อนค่าลงได้ในเร็วๆ นี้” นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley
โดยบริษัทที่อาจเผชิญผลกระทบเชิงลบจากดอลลาร์ที่แข็งค่า อาทิ Nike ซึ่งได้รับรายได้มากกว่าครึ่งจากนอกอเมริกาเหนือ หรือ IBM Corp, DuPont de Nemours และ Procter & Gamble Co แต่ขณะเดียวกันบรรดาบริษัทที่พึ่งพาการนำเข้าก็ทำผลงานได้ดีจากกำลังซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าสัญญาณของค่าเงินดอลลาร์ผ่านจุดสูงสุดแล้วนั้นอาจผลักดันให้นักลงทุนเข้าสู่สกุลเงินที่พวกเขาคาดว่าจะดีดตัวขึ้นเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแต่ก็คงไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ แม้ว่าดัชนีค่าเงินดอลลาร์จะลดลงประมาณ 2% จากระดับสูงสุดเมื่อเร็วนี้ก็ตาม นักวิเคราะห์ 85% ที่สำรวจโดยรอยเตอร์สกล่าวว่าดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ นั้นยังไม่หยุด
นักวิเคราะห์จาก UBS Global Wealth Management เชื่อว่า ความเข้มงวดของเฟด เศรษฐกิจของสหรัฐที่ค่อนข้างแข็งแกร่งสวนทางกับความอ่อนแอในยุโรปจะทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไปอีก “เร็วเกินไปที่จะหาจุดแตะเบรกของเฟดหรือจุดสูงสุดในดอลลาร์”
แหล่งข่าว Analysis: Dollar’s gains spell earnings pain for U.S. companies โดย Reuters
COMMENTS