ดอลลาร์อยู่ทิศทางร่วงลงเป็นเซสชั่นที่ 4 เมื่อเทียบกับเงินยูโรในวันจันทร์ (23/01/2023) จากกระแสเหยี่ยวใน ECB ซึ่งสวนทางกับธนาคารกลางสหรัฐที่เริ่มผ่อนคลายลง ยูโรพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.0870 ดอลลาร์ และเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนล่าสุดที่ 1.08875 ดอลลาร์
Klaas Knot สมาชิกสภากำกับดูแลธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งกล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้น 50 จุดทั้งในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม และไต่ระดับต่อหลังจากนั้น
ในทางตรงกันข้าม ตลาดฟิวเจอร์สกำลังวางโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 50 จุด พร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 4.75% เป็น 5.0% จากปัจจุบัน 4.25% เป็น 4.50%
ผลสำรวจกิจกรรมการผลิตในเดือนมกราคมที่จะออกมาในสัปดาห์นี้คาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่ดีขึ้นในยุโรป ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนพลังงานที่ลดลงมากกว่าในสหรัฐ
Ray Attrill หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ FX ของ NAB กล่าวว่า “สหรัฐสูญเสียตำแหน่งผู้นำด้านการเติบโตทั่วโลกหากอ้างอิงตามตัวเลข PMI ล่าสุด ในขณะเดียวกัน ราคาก๊าซลดลงถึง 60% ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมช่วยลดผลกระทบด้านลบต่อยูโรโซน/ยูโร นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐที่ลดลงอย่างรวดเร็วก็อาจทำให้ดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสที่จะร่วงลงอีกมากในปีนี้” Attrill คาดการณ์ว่าเงินยูโรอาจแตะ 1.1000 ดอลลาร์ภายในเดือนมีนาคม และ 1.1700 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี
ปอนด์แข็งค่าขึ้นที่ 1.2410 ดอลลาร์ หลังสัปดาห์ที่แล้วแตะระดับสูงสุดที่ 1.2435 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลักที่ 101.890 แต่ยังคงระดับที่เมื่อกับเงินเยน หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงเลือกที่จะคงนโยบายการเงินไว้โดยที่สวนทางกับตลาดคาดการณ์ นักวิเคราะห์สันนิษฐานว่า BOJ จะคงนโยบายไว้จนกว่าจะมีการประชุมนโยบายครั้งหน้าในเดือนมีนาคมเป็นอย่างน้อย
ดอลลาร์ล่าสุดอยู่ที่ 129.40 เยน หลังจากสัปดาห์ที่แล้วได้เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงระหว่าง 127.22-131.58 เยน
ดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3374 ดอลลาร์ต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยดีดตัวขึ้นจาก 1.3497 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์
แหล่งข่าว Euro nears nine-month peak as ECB hawks let fly โดย Reuters
COMMENTS