รอยเตอร์โพลชี้เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปีนี้

จากการสำรวจของรอยเตอร์ในวันที่ 12-19 ม.ค. พบว่า เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปีนี้ โดยเริ่มจากเดือนมีนาคมเป็นต้นไปรวม 0.75-1.00% จนถึงสิ้นปี 2565 โดยการสำรวจครั้งก่อนในเดือนธันวาคมระบุว่าการปรับจะอยู่ที่ 2 ครั้งเท่านั้น ขณะที่ นักวิเคราะห์ส่วนน้อยกว่าที่ 40 คนจาก 86 คนชี้ว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจสูงถึง 4 ครั้งซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

นอกจากนี้ เกือบสามในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถาม 37 คนจากทั้งหมด 51 คนคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มลดขนาดงบดุลเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นไตรมาสที่สาม และอีก 11 คนคาดว่าจะเริ่มในไตรมาสที่สอง 26 คนคาดว่าในไตรมาสที่สามและ 14 คนที่เหลือคาดว่าหลังจากนั้น

การสำรวจพบว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกสามครั้งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2566 ด้วยอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ที่ระดับ 0.0-0.25% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญของเฟด แตะระดับ 4.7% ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1989 และคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 4.9% ในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมันจะค่อย ๆ ลงลดที่เหนือระดับเป้าหมายของธนาคารกลางที่ 2.0% อย่างน้อยที่สุดในอีกสามปีข้างหน้า ในด้านอัตราเงินเฟ้อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สูงแตะ 7.0% สูงที่สุดในรอบ 40 ปีแล้ว ตอกย้ำความร้อนแรงของสถานการณ์

ในด้านความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 38 คนกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงสุดต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า อีก 6 คนมองว่าการรัดกุมทางการเงินอย่างรวดเร็วเกินคาด และอีก 5 คนชี้ไปที่การระบาดของไวรัส เป็นภัยคุกคามที่สำคัญ

เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มเติบโตในอัตรารายปีที่ปรับแล้วที่ 5.9% ในไตรมาสก่อน โดยชะลอตัวลงเหลือ 2.9% ในไตรมาสปัจจุบัน ซึ่งปรับลดจาก 6.0% และ 4.0% ที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจจะดีดตัวขึ้นในไตรมาสหน้าและขยายตัว 3.8% แต่ก็เริ่มชะลอตัวในไตรมาสต่อไป โดยคาดการณ์ว่า GDP ของสหรัฐฯ จะเติบโตเฉลี่ย 3.8% และ 2.5% ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ เทียบกับ 5.6% ในปี 2564

แหล่งข่าว Fed to raise rates three times this year to tame unruly inflation: Reuters poll โดย Reuters