ผลสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์พบว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะเลือกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 75 จุด ในการประชุมในสัปดาห์หน้า ขณะที่แนวโน้มที่เศรษฐกิจถดถอยในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 40%
อัตราเงินเฟ้อแตะ 9.1% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ กระตุ้นความคาดหวังของเฟด โดยจะเพิ่มการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 50 เป็น 75 bps ในการประชุมครั้งล่าสุด
ผลสำรวจของรอยเตอร์เมื่อวันที่ 14-20 กรกฎาคม พบว่านักเศรษฐศาสตร์ 98 คนจาก 102 คนคาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 75 คะแนน ณ สิ้นสุดการประชุมวันที่ 26-27 กรกฎาคม รวมเป็น 2.25%-2.50% และอีก 4 คนคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100 bps ในด้านฟิวเจอร์สกองทุนเฟดกำลังทุ่มน้ำหนักเพียง 25% สำหรับโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นเต็มเปอร์เซ็นต์
ขณะที่ความน่าจะเป็น 40% ของภาวะถดถอยของสหรัฐในปีหน้า โดยมีโอกาส 50% ที่จะเกิดขึ้นภายในสองปี หลังจากที่เดือนมิถุนายนคาดการณ์ไว้ที่เพียง 25% และ 40%
ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 90% หรือ 47 คนจากทั้งหมด 51 คนกล่าวว่า ภาวะถดถอยใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นอาจไม่รุนแรงหรือไม่รุนแรงมาก และมีเพียง 4 คนเท่านั้นที่บอกว่ามันจะรุนแรง
ผู้ตอบแบบสอบถาม 82 คนจาก 102 คนคาดว่าอัตราเงินเฟดจะอยู่ที่ 3.25%-3.50% หรือสูงกว่าภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันด้านราคาคาดว่าจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นและสูงกว่าอัตราเป้าหมาย 2% ของเฟดในปีต่อๆ ไป อัตราเงินเฟ้อที่วัดโดยดัชนีราคาผู้บริโภคคาดว่าจะเฉลี่ย 8.0%, 3.7% และ 2.5% ในปี 2022, 2023 และ 2024 ตามลำดับ อัตราการว่างงานคาดว่าจะเฉลี่ย 3.7% ในปีนี้ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.0% ในปี 2023 และ 4.1% ในปี 2024
ในขณะเดียวกัน การคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจก็ถูกปรับลดระดับทั่วทั้งกระดาน หลังจากการหดตัวอย่างน่าประหลาดใจในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ การเติบโตสำหรับไตรมาสที่ 2 ปรับตามฤดูกาลที่ 0.7% ลดลงจาก 3.0% ที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว
การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดลงเหลือ 2.0% จากการคาดการณ์ 2.6% เมื่อเดือนที่แล้ว และลดลงเหลือ 1.2% ในปี 2023 เมื่อผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลต่อเศรษฐกิจ
แหล่งข่าว Fed to stick to 75 bps hike in July; 40% chance of recession โดย Reuters
COMMENTS