ดัชนี S&P 500 ลดลงแล้วประมาณ 21% ในปีนี้หลังจากสัปดาห์ที่แล้วลดลง 20% จากระดับสูงสุด การเทขายเกิดขึ้นในขณะที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น
ขณะนี้ธนาคารบางแห่งกำลังคาดการณ์ช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้นสำหรับตลาด เนื่องจากมีความกังวลมากขึ้นว่านโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของเฟดจะทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ นักยุทธศาสตร์ของ Morgan Stanley รวมถึง Michael Wilson ระบุเมื่อวันอังคารว่าระดับ S&P 500 ที่ 2,900 ถึง 3,100 ซึ่งต่ำกว่าระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุบันประมาณ 18-23% จะสะท้อนการหดตัวของรายได้ของบริษัทโดยทั่วไปในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย
ในทำนองเดียวกัน นักยุทธศาสตร์จากสถาบัน BlackRock Investment เตือนไม่ให้ซื้อหุ้นที่ราคาร่วงลง Jean Boivin หัวหน้าสถาบันระบุว่าเราเห็นการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่หยุดชะงักในช่วงไตรมาสที่จะมาถึง
Jim Reid นักยุทธศาสตร์ของ Deutsche Bank เชื่อว่าเศรษฐกิจจะถดถอยในปี 2023 “ความเสี่ยงกำลังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนด้วยสภาวะทางการเงินที่ลดลง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและธุรกิจลดลง”
นักวิเคราะห์ของ Societe Generale กล่าวว่าภาวะถดถอยจะทำให้ S&P 500 อยู่ที่ 3,200 แต่หากเกิดภาวะซบเซาแบบในปี 1970 ที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงและการเติบโตต่ำอาจส่งให้ดัชนีอยู่ที่ราว 2,525 จุด
เมื่อวันจันทร์ Goldman Sachs เพิ่มคาดาการณ์ 30% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้าจาก 15% ในคาดการณ์ครั้งก่อน
แหล่งข่าว Growing forecasts for U.S. recession may spell more trouble for stocks โดย Reuters
COMMENTS