กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ 2.9% ในปี 2023 เพิ่มขึ้น 0.2% จากการคาดการณ์ก่อนนี้ในเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยังต่ำกว่าระดับการเติบโตของปี 2022 ที่ 3.4% พร้อมเตือนถึงปัจจัยที่ฉุดการเติบโต เช่น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และการรุกรายยูเครนโดยรัสเซียเป็นต้น
สำหรับปี 2024 IMF คาดการณ์ว่าการเติบโตทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 3.1% ซึ่งเป็นอัตราที่ลดลงอย่างมากจากคาดการณ์ฉบับก่อนในเดือนตุลาคมที่ 10% จากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางซึ่งทำให้อุปสงค์ชะลอตัวลง
Pierre-Olivier Gourinchas หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF กล่าว “เราต้องเตรียมรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิด แต่มันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยน โดยการเติบโตจะถึงจุดต่ำสุดแต่หลังจากนั้นอัตราเงินเฟ้อจะลดลง”
ในด้านการวิเคราะห์แบบรายประเทศ IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐในปี 2023 จะโตที่ 1.4% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์ฉบับในเดือนตุลาคมที่ 1.0% เช่นเดียวกับยูโรโซนที่ได้รับการปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตในปี 2023 อยู่ที่ 0.7% เพิ่มขึ้นจาก 0.5% ในเดือนตุลาคม ทั้งนี้สหราชอาณาจักรเป็นประเทศ/เศรษฐกิจชั้นนำแห่งเดียวที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ โดย GDP ลดลง 0.6% เนื่องจากภาคครัวเรือนต้องต่อสู้กับค่าครองชีพที่สูงขึ้น รวมถึงค่าพลังงานและสินเชื่อ
นอกจากนี้ IMF ยังปรับแนวโน้มอัตราการเติบโตของจีนปี 2023 ขึ้นเป็น 5.2% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์ฉบับเดือนตุลาคมที่ 4.4% ทั้งนี้ การเติบโตของจีนจะชะลอตัวลงในปี 2024 เหลือ 4.5% ในปี 2024 ก่อนที่จะตกลงที่ต่ำกว่า 4% ในระยะกลาง จากพลวัตทางธุรกิจที่ลดลงและความคืบหน้าในการปฏิรูปโครงสร้างที่ชะลอตัวลง เช่นเดียวกับอินเดีย IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตในปี 2023 อยู่ที่ 6.1% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 6.8% ในปี 2024 ในระดับเดียวกับในปี 2022
Gourinchas เสริมว่าเศรษฐกิจหลักของเอเชีย 2 แห่งมีสักส่วนมากกว่า 50% ของการเติบโตทั่วโลกในปี 2023 อย่างไรก็ตาม แม้จีนจะเปิดพรมแดนอีกครั้งแต่ IMF กลับคาดว่าราคาน้ำมันจะลดลงทั้งในปี 2023 และ 2024 เนื่องจากการเติบโตทั่วโลกที่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2022
แหล่งข่าว IMF lifts 2023 growth forecast on China reopening, strength in U.S., Europe โดย Reuters
COMMENTS