หุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างรวดเร็วในวันพุธโดย Nasdaq ร่วงลงมากกว่า 3% โดยเป็นการลดลงแบบร้อยละที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์หลังจากรายงานการประชุมเฟดส่งสัญญาณว่าขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ขณะที่ S&P 500 ร่วงลงมากกว่า 1% ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์การลดลงรายวันที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. และดาวโจนส์ที่ทำสถิติสูงสุดในช่วงเช้าของวัน พลิกกลับร่วงลงมากกว่า 1% จากการเทขายออกในวงกว้าง
โดยทุกภาคส่วนใน S&P ปิดในแดนสีแดงและดัชนีความกลัวของวอลล์สตรีท ดัชนีความผันผวน Cboe ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม
ในรายงานการประชุมของเฟดในวันที่ 14-15 ธันวาคม ผู่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางกล่าวว่าตลาดงานที่ “ตึงตัวมาก” และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่ลดลงอาจทำให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นและเริ่มลดการถือครองสินทรัพย์ เดวิด คาร์เตอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Lenox Wealth Advisors กล่าวว่า “เฟดกังวลเรื่องเงินเฟ้อมาก อาจสร้างมุมมองว่าเฟดจะเข้มงวดมากขึ้นในปี 2565”
ภาคเทคโนโลยีใน S&P 500 ร่วง 3.1% และเป็นแรงฉุดลากที่ใหญ่ที่สุด ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ ร่วง 3.2% ในการลดลงเป็นเปอร์เซ็นต์รายวันที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ 4 ม.ค. 2564
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 392.54 จุดหรือ 1.07% สู่ 36,407.11, S&P 500 ลดลง 92.96 จุดหรือ 1.94% สู่ 4,700.58 และ Nasdaq Composite ลดลง 522.54 จุดหรือ 3.34% เป็น 15,100.17
ดัชนี Russell 2000 ก็ร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดในหนึ่งวันนับตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. ขณะที่ดัชนีการเงินใน S&P 500 ร่วงลง 1.3% หลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
รายงานการจ้างงานแห่งชาติของ ADP แสดงให้เห็นว่าการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 807,000 ตำแหน่งเมื่อเดือนที่แล้ว มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Reuters คาดการณ์ไว้สองเท่า
S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ใหม่ 59 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่ 1 ครั้งNasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 81 ครั้ง และระดับต่ำสุดใหม่ 307 ครั้ง
ปริมาณการแลกเปลี่ยนในสหรัฐอยู่ที่ 12.18 พันล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ย 10.4 พันล้านสำหรับเซสชั่นเต็มในช่วง 20 วันทำการล่าสุด
แหล่งข่าว Nasdaq posts biggest daily drop since Feb after ‘hawkish’ Fed minutes โดย Reuters
COMMENTS