ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นจากอุปทานตึงตัว เบรนต์ทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 ปี

น้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทำระดับสูงสุดในรอบสามปีเนื่องจากนักลงทุนเดิมพันว่าอุปทานจะยังคงตึงตัวท่ามกลางการผลิตที่จำกัด
ฟิวเจอร์สเบรนต์เพิ่มขึ้น 42 เซนต์หรือ 0.5% สู่ 86.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และแตะระดับสูงสุดตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. 2561 เช่นเดียวกับ WTI ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 62 เซนต์หรือ 0.7% ที่ 84.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากแตะระดับ 84.78 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2564 ก่อนหน้านี้ในเซสชั่น ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเบรนต์เพิ่มขึ้น 5.4% และ WTI เพิ่มขึ้น 6.3%

การซื้อน้ำมันอย่างบ้าคลั่งได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ขาดหายไปและสัญญาณที่ Omicron จะไม่สร้างผลกระทบเหมือนที่คาดการณ์ สะท้อนว่าการปรับตัวขึ้นของเบรนต์ฟิวเจอร์สจะคงอยู่ต่อไปอีกนานเทรดเดอร์รายหนึ่งกล่าว

“ความเชื่อมั่นในตลาดกระทิงยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจาก OPEC+ ไม่ได้ให้อุปทานเพียงพอกับความต้องการทั่วโลก” Toshitaka Tazawa นักวิเคราะห์จาก Fujitomi Securities Co Ltd. กล่าว “หากกองทุนเพิ่มน้ำหนักการจัดสรรสำหรับน้ำมันดิบ ราคาอาจแตะระดับสูงสุดในปี 2557”

ความกังวลเกี่ยวกับการโจมตีของรัสเซียในยูเครนที่อาจขัดขวางการจัดหาพลังงานก็ให้การสนับสนุนราคาเช่นกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐแสดงความกลัวเมื่อวันศุกร์ว่ารัสเซียกำลังเตรียมโจมตียูเครนหากการเจรจาล้มเหลว

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพุธว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงเกินคาดสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 แต่สินค้าคงคลังน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ

นักวิเคราะห์ของ Fujitomi Tazawa กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดด้านอุปทานมีมากกว่าข่าวการปล่อยน้ำมันของจีนจากแหล่งสำรอง โดยจีนมีแผนที่จะปล่อยน้ำมันสำรองในช่วงวันหยุดตรุษจีนระหว่างวันที่ 31 ม.ค. ถึง 6 ก.พ. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับผู้บริโภครายใหญ่อื่นๆ เพื่อลดราคาน้ำมันโลก

แหล่งข่าว Oil extends rally on supply tightness, Brent at more than 3-year high โดย Reuters