น้ำมันขึ้น 2% จากการเบิกจ่ายน้ำมันดิบของสหรัฐและดอลลาร์ที่อ่อนค่า

น้ำมันแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนในวันพุธจากอุปทานที่ตึงตัวเนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐอเมริกาลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2561 ร่วมกับดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและความกังวลต่อ Omicron เริ่มคลายตัว

สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 4.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มาอยู่ที่ 413.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 สำนักข้อมูลพลังงาน ขณะที่ นักวิเคราะห์ของรอยเตอร์คาดว่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล

เบรนท์ปิดบวก 95 เซนต์หรือ 1.1% ที่ 84.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟิวเจอร์ส WTI ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์หรือ 1.8% ที่ 82.64 ดอลลาร์

ดอลลาร์ที่ร่วงลงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเช่นกัน ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนธันวาคม

OPEC+ ยังคงระงับการผลิตมากกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ขณะที่การส่งออกของอิหร่านถูกตรึงกลับจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า OPEC+ จะเพิ่มเป้าหมายการผลิตในแต่ละเดือน แต่ปัญหาทางเทคนิคทำให้หลายประเทศไม่สามารถบรรลุโควตาได้

Jeffrey Halley นักวิเคราะห์ของ Oanda กล่าวว่า “สมมติว่าจีนไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวที่รุนแรง และด้วยความสามารถของ OPEC+ ในการเพิ่มการผลิตอย่างจำกัดอย่างชัดเจน เบรนต์ก็อาจแตะ 100 ดอลลาร์ในไตรมาสที่ 1 หรืออาจเร็วกว่านั้น

แหล่งข่าว Oil rises 2% on U.S. crude drawdown, weaker dollar โดย Reuters