น้ำมันร่วงมากกว่า 2% ในวันอังคารจากระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเจรจาทางอ้อมระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านอาจนำไปสู่การฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ และทำให้ OPEC สามารถอุปทานน้ำมันมากขึ้น
ฟิวเจอร์สเบรนต์ร่วงลง 1.91 ดอลลาร์หรือ 2.1% ปิดที่ 90.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ WTI ของสหรัฐร่วงลง 1.96 ดอลลาร์หรือ 2.1% ปิดที่ 89.36 ดอลลาร์
“รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามควบคุมราคาน้ำมันโดยการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่กับอิหร่าน” Louise Dickson นักวิเคราะห์ตลาดน้ำมันอาวุโสของ Rystad Energy กล่าว หากมีข้อตกลงเกิดขึ้น อิหร่านจะสามารถเพิ่ม “การผลิตน้ำมันดิบภายในสี่ถึงหกเดือนหรือเร็วกว่านั้น”
“การส่งออกสามารถกลับมาดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว หากบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์” Tamas Varga จากโบรกเกอร์ PVM กล่าว
การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเป็น 12.0 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2565 และ 12.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2566 จาก 11.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2564 สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) กล่าวในแนวโน้มพลังงานระยะสั้น (STEO) เมื่อวันอังคาร เมื่อเทียบกับสถิติปัจจุบันที่ 12.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2019
น้ำมันอยู่ภายใต้แรงกดดันเพิ่มเติมจากการคาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น นักวิเคราะห์คาดว่าข้อมูลสินค้าคงคลังน้ำมันล่าสุดของสหรัฐจะแสดงถึงสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ 4 ก.พ.
อีกปัจจัยที่ฉุดราคาคือเมื่อวันอังคารประธานาธิบดีของฝรั่งเศสกล่าวว่าการพบปะกับประธานาธิบดีของรัสเซียช่วยป้องกันวิกฤตการณ์ในยูเครนที่เลวร้ายลง โดยในด้านฝรั่งเศสเผยว่ารัสเซียจะไม่มีการซ้อมรบใกล้กับยูเครนอีกต่อไป
แหล่งข่าว Oil slides over 2% from 7-year high on more U.S.-Iran talks โดย Reuters
COMMENTS