วอลล์สตรีทปิดต่ำลงในช่วงต้นสัปดาห์จากผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นซึ่งรับแรงกดดันจากหุ้น megacap หุ้นเติบโตดึงดัชนี Nasdaq ดัชนี S&P 500 ดัชนี Nasdaq ร่วงลง สำหรับดาวโจนส์หุ้นเติบโตบางรายการยังเป็นตัวกระตุ้นที่ดี
Ryan Detrick หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ Carson Group ใน Omaha, Nebraska กล่าวว่า “อัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นกำลังกดดันหุ้นเติบโต และในทางกลับกัน อุตสาหกรรม สาธารณูปโภค และพลังงานจะทำผลงานได้ดีกว่”
หุ้นของ Tesla Inc ร่วงลง 11.4% โดยเป็นผู้นำในการลดลงใน S&P และ Nasdaq หลังรอยเตอร์รายงานว่าบริษัทฯ มีแผนที่จะลดการผลิตที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ ทั้งนี้มูลค่าของหุ้นลดลงสะสม 69% ในปีนี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นทำให้หุ้นเติบโตอยู่ภายใต้แรงกดดัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในปีนี้ โดยหุ้นเติบโตลดลงกว่า 30% เมื่อเทียบกับมูลค่าที่ลดลงประมาณ 7.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ปักกิ่งผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 กระตุ้นความหวังอุปสงค์ทั่วโลกฟื้นตัวและพร้อมห่วงโซ่อุปทานที่จะฟื้นตัว
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 37.63 จุด หรือ 0.11% สู่ระดับ 33,241.56 ดัชนี S&P 500 ลดลง 15.57 จุด หรือ 0.40% สู่ระดับ 3,829.25 และดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 144.64 จุด หรือ 1.38% อยู่ที่ 10,353.23
หุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐ เช่น JD.Com Inc, Alibaba และ Pinduoduo ขึ้นระหว่าง 1.4-4.9% หลังจากปักกิ่งประกาศว่าผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทาง
หุ้น Southwest Airlines ร่วงลงจากสภาพอากาศที่เลวร้ายทำให้สายการบินต้องยกเลิกเที่ยวบิน ดัชนี S&P 1500 Airlines ปิดในแดนลบ
S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 52 สัปดาห์ 9 จุด และจุดต่ำสุดใหม่ 3 จุด Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุด 96 จุดและต่ำสุดใหม่ 448 จุด
ปริมาณการแลกเปลี่ยนในสหรัฐอยู่ที่ 8,350 ล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ย 11,350 ล้านสำหรับเซสชั่นทั้งหมดในช่วง 20 วันทำการล่าสุด
แหล่งข่าว S&P 500, Nasdaq close lower, weighed by growth stocks โดย Reuters
COMMENTS