SEARCH

สหรัฐเล็งใช้พลังงานไฮโดรเจนเพื่อคลายวิกฤตด้านพลังงานหลังคว่ำบาตรรัสเซีย

ก.ล.ต.เตือนให้รอบคอบก่อนลงทุน
5 อันดับหุ้นวอลุ่มพุ่ง EA นำโด่ง 6.8 พันล้านบาท
สปอตไลท์เศรษฐกิจเอเชียส่องยักษ์ใหญ่อย่างจีน ญี่ปุ่น

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศเศรษฐกิจหลักหลายแห่งได้วางแผนลดการพึ่งพาไฮโดรคาร์บอนของรัสเซีย ความท้าทายและโอกาสที่ภาคพลังงานกำลังเผชิญถูกกล่าวถึงในวันจันทร์ระหว่างการอภิปรายที่ Global Energy Forum ของสภาแอตแลนติกในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ในระหว่างการประชุม CEO ของ Eni บริษัทน้ำมันและก๊าซของอิตาลีพยายามเน้นย้ำถึงความตึงเครียดในปัจจุบันที่ภาคธุรกิจของเขาเผชิญอยู่
ความกังวลที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานและความมั่นคงด้านพลังงานได้รับการบรรเทาลงอย่างมากจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

เมื่อวันศุกร์ สหรัฐฯ และคณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับความมั่นคงด้านพลังงาน โดยที่พวกเขาได้ประกาศจัดตั้งคณะทำงานร่วมในเรื่องนี้ ทั้งสองฝ่ายกล่าวว่าสหรัฐจะ “พยายามรับรอง” ปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลวเพิ่มเติมอย่างน้อย 15 พันล้านลูกบาศก์เมตรสำหรับสหภาพยุโรปในปีนี้

ทั้งหมดที่กล่าวมากล่าวถึงงานใหญ่ที่รัฐบาลทั่วโลกต้องเผชิญ ซึ่งกล่าวว่าพวกเขาต้องการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ป้องกันผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปกป้องความมั่นคงด้านพลังงานไปพร้อม ๆ กัน

ความท้าทายและโอกาสที่ภาคพลังงานกำลังเผชิญถูกกล่าวถึงในวันจันทร์ระหว่างการอภิปรายที่ Global Energy Forum ของสภาแอตแลนติกในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ในระหว่างการอภิปรายซึ่งดูแลโดย Hadley Gamble ของ CNBC นั้น CEO ของบริษัทน้ำมันและก๊าซของอิตาลี Eni พยายามที่จะเน้นย้ำถึงความตึงเครียดในปัจจุบันที่ภาคธุรกิจของเขาเผชิญอยู่

Shpitsberg กล่าวว่าในขณะที่คณะทำงานเฉพาะกิจของสหรัฐฯ-สหภาพยุโรปจะมุ่งเน้นไปที่ด้านต่างๆ เช่น การจัดหา LNG ให้ปลอดภัย แต่ก็จะมองหาเพื่อให้ “ความแน่นอนแก่ผู้ผลิตในสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มปริมาณและอุปทานที่เพิ่มขึ้นในยุโรปในระยะยาวและจนถึงปี 2030 ” การอนุญาตและโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นประเด็นสำคัญเช่นกัน สิ่งสำคัญคือต้องไม่ประนีประนอมกับการเปลี่ยนแปลงของพลังงาน เธอยอมรับ ก่อนที่จะอ้างอิงข้อโต้แย้งที่ Descalzi ของ Eni เสนอ

แหล่งข่าว Russia’s invasion has made energy security a hot topic. The U.S. thinks hydrogen could be the answer โดย CNBC

COMMENTS

WORDPRESS: 0
DISQUS: 0