SEARCH

วอลล์สตรีทร่วงหนักที่สุดในรอบ 2 ปีหลังจากรายงาน CPI

BoE เดินตามรอยเฟดจากความกังวลที่มากกว่าเงินเฟ้อ
น้ำมันขึ้นแต่อยู่ในช่วงแคบ
ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์นิวซีแลนด์ พุ่งสูงจากสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้น

การเทขายออกในวงกว้างในตลาดหุ้นสหรัฐส่งผลให้ดัชนีหลักร่วงลงอย่างหนัก หลังจากที่เพี่มขึ้น 4 วันต่อเนื่อง และทำสถิติร่วงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 หุ้นบิคเทคอย่าง Apple Inc, Microsoft Corp และ Amazon.com Inc กลายเป็นกลุ่มที่ดึงดัชนีมากที่สุด

Paul Nolte ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Kingsview Asset Management กล่าวว่า “การเทขายที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลก ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ออกมาเหนือคาดการณ์ตลาดนั้นทำลายแนวโน้มการผ่อนคลายของความเข้มงวดของเฟด

ดัชนี CPI พื้นฐานไม่รวมอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นเหนือคาดการณ์ที่ 6.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 5.9% ในเดือนกรกฎาคม

ตลาดการเงินกำลัง price in สำหรับการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอย่างน้อยที่ 75 จุดสำหรับการประชุมนโยบายในเดือนนี้ และมีการ price in ถึง 32% ที่จะปรับขึ้นถึง 100 จุด ตามเครื่องมือ FedWatch ของ CME

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 1,276.37 จุดหรือ 3.94% อยู่ที่ 31,104.97 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 177.72 จุดหรือ 4.32% กลับสู่ 3,932.69 จุด และดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 632.84 จุดหรือ 5.16% กลับไปที่ 11,633.57 จุด

S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่ 1 จุดในรอบ 52 สัปดาห์และจุดต่ำสุดใหม่ 16 จุด ดัชนี Nasdaq Composite ทำจุดสูงสุดใหม่ 29 จุดและจุดต่ำสุดใหม่ 163 จุด
ปริมาณการแลกเปลี่ยนในสหรัฐอยู่ที่ 11,580 ล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ย 10,330 ล้านshoในช่วง 20 วันทำการล่าสุด

แหล่งข่าว Wall St tumbles to biggest loss in two years following CPI data โดย Reuters

COMMENTS

WORDPRESS: 0
DISQUS: 0