ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นในวันพุธหลังจากดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ โดบเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนที่แล้วหลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนธันวาคมดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 7.0% สู่ระดับสูงสุดเมื่อเทียบปีต่อปีในเกือบสี่ทศวรรษ
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 38.3 จุดหรือ 0.11% สู่ 36,290.32 ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 13.28 จุดหรือ 0.28% สู่ 4,726.35 และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 34.94 จุดหรือ 0.23% ถึง 15,188.39
ภาคส่วนที่ได้กำไรสูงสุดของ S&P ในวันนี้คือวัสดุเพิ่มขึ้นเกือบ 1% การตัดสินใจของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.6% และเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 0.4%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการเติบโตกลับมาฟื้นตัวในสัปดาห์นี้ โดยนักลงทุนจับตาดูตัวชี้วัดที่หลากหลายเพื่อตัดสินใจว่าจะซื้อการขึ้นหรือปรับตัวลงมากขึ้น
สำหรับสัปดาห์นี้คือการเริ่มต้นฤดูกาลทำรายได้ประจำไตรมาสที่สี่อย่างไม่เป็นทางการเริ่มจาก JPMorgan Chase & Co, Citigroup Inc และ Morgan Stanley ในวันศุกร์
อย่างไรก็ตาม ในดาวโจนส์ Goldman Sachs คือตัวที่ฉุดดัชนีให้ลง โดยลดลง 3% รองลงมา ได้แก่ Morgan Stanley ร่วงลง 2.7% และ Jefferies ตกลง 9% หลังจากที่พลาดการคาดการณ์ผลประกอบการรายไตรมาส
ภาคส่วนต่างๆ เช่น การเดินทางทางอากาศ อาจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Omicron โดยนักวิเคราะห์จาก Bank of America คาดว่าผลกระทบของการระบาดใหญ่ต่อการเดินทางเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดต่ออุตสาหกรรมสายการบิน
ดัชนีการดูแลสุขภาพถูกฉุดโดยหุ้นของผู้ผลิตยา Eli Lilly ซึ่งปิดตัวลง 2.4% และ Biogen ซึ่งลดลง6.7%
การเพิ่มที่มากที่สุดใน S&P ในวันนี้คือ Tesla เพิ่มขึ้น 3.9% เหนือ Microsoft, Alphabet ซึ่งทั้งคู่เพิ่มขึ้นมากกว่า 1%
S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ใหม่ 38 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่ 1 ครั้ง Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 60 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่ 137 ครั้ง
การแลกเปลี่ยนในสหรัฐอเมริกา 10.251 พันล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ย 10.496 พันล้านในช่วง 20 เซสชันล่าสุด
แหล่งข่าว Wall Street closes higher as inflation data supports Fed bets โดย Reuters
COMMENTS