หุ้นสหรัฐปิดในแดนลบในวันจันทร์ จากหุ้นกลุ่ม megacaps ที่ไวต่ออัตราดอกเบี้ยเช่น Amazon.com, Microsoft Corp ( ) และ Alphabet Inc ต่างร่วงลง และได้ดึงดัชนีลงตามด้วย “สาเหตุคือนักลงทุนกำลังมองหาสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงการรายงานไตรมาสที่สอง” Sam Stovall หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของ CFRA Research ในนิวยอร์กกล่าว
ดัชนีทั้งสามกำลังอยู่ระหว่างการลดลงสองครั้งติดต่อกันแบบรายไตรมาสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2015 นอกจากนี้ ดัชนีเหล่านี้ยังดูเหมือนว่าจะขาดทุนในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะถือเป็นการลดลงติดต่อกัน 3 เดือนสำหรับ Nasdaq ซึ่งถือเป็นการร่วงลงยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015
Stovall ยังกล่าวว่า S&P ก็มีแนวโน้มที่จะทำผลงานประจำปีที่แย่ที่สุดเป็นอันดับ 5 นับตั้งแต่ปี 1962 ณ วันศุกร์ “ทุกครั้งที่ SPX เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ในหนึ่งปี มันจะลดลงโดยเฉลี่ย 11% โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นปีใหม่ และทุกปีที่การลดลงเริ่มต้นขึ้นในครึ่งปีแรก ทั้งนี้ไม่รับประกันว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้เพราะตลาดอาจทำให้เราประหลาดใจ” Stovall กล่าว
น้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นช่วยนำหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามด้วยหุ้นขนาดเล็กที่มีความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจ เซมิคอนดักเตอร์ และการขนส่ง ก็ทำผลงานได้ดีกว่าตลาดในวงกว้างเช่นกัน
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 62.42 จุดหรือ 0.2% สู่ 31,438.26, S&P 500 ลดลง 11.63 จุดหรือ 0.3% สู่ 3,900.11 และ Nasdaq Composite ลดลง 93.05 จุดหรือ 0.8% เป็น 11,514.57
เหลือเวลาอีกหลายสัปดาห์กว่าจะเริ่มต้นการรายงานผลการดำเนินงานในไตรมาสที่สองกว่า 130 บริษัทใน S&P 500 โดยในจำนวนนั้น 45 รายการเป็นตั้งสถานะบวก และ 77 รายการเป็นลบ ส่งผลให้ negative/positive ratio อยู่ที่ 1.7 ซึ่งแข็งแกร่งกว่าไตรมาสแรกแต่อ่อนแอกว่าปีที่แล้วตามข้อมูลของ Refinitiv
S&P 500 ในรอบ 52 สัปดาห์ทำ 1 จุดสูงสุดใหม่และ 29 จุดต่ำสุดใหม่ Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 24 จุดและระดับต่ำสุดใหม่ 84 จุด
ปริมาณการแลกเปลี่ยนในสหรัฐอยู่ที่ 10.91 พันล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ย 12.95 พันล้านในช่วง 20 วันทำการล่าสุด
แหล่งข่าว Wall Street ends down, pulled lower by growth stocks โดย Reuters
COMMENTS