SEARCH

OPEC+ ลดปริมาณผลิต อะไรคือสาเหตุเบื้องหลัง

หุ้นเอเชียร่วงจากความกังวลภาคธนาคารและเศรษฐกิจสหรัฐ
ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย พร้อมใช้น้ำมันสำรอง หากสถานการณ์ในยูเครนกระทบอุปทาน
รูเบิลดีดกลับ 10% หลังรัสเซียยืนยันไม่ผิดชำระหนี้

การประชุมนโยบายการผลิตของ OPEC+ ในวันพุธที่เพิ่งจะผ่านมา สร้างความประหลาดใจให้แก่ตลาดด้วยการลดปริมาณการผลิตถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้ตลอดช่วงที่ผ่านมาสหรัฐพยายามอย่างมากในการเรีบกร้องให้กลุ่มเพิ่มปริมาณการอุปทานเพื่อลดราคาน้ำมันโลกลง

แต่การเรียกร้องเชิงกดดันของวอชิงตันที่ว่านั้น อีกด้านหนึ่งกำลังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทำเนียบขาวและราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียตึงเครียดมากขึ้นจากเดิมที่มีประเด็นอยู่แล้ว ซึ่งเดิมทีเคยเป็นพันธมิตรที่แน่แฟ้นมากที่สุด อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลประมาณ 12 คน และผู้เชี่ยวชาญในวอชิงตัน

ในเดือนที่ผ่านมา สหรัฐได้ส่ง Amos Hochstein ผู้แทนการเจรจาด้านพลังงานของไบเดน พร้อมด้วย Brett McGurk เจ้าหน้าที่ความมั่นคงแห่งชาติและ Tim Lenderking ทูตพิเศษของรัฐบาลเยเมนร่วมเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านพลังงาน รวมถึงมติการผลิตน้ำมันของ OPEC+ แต่สุดท้ายผลการหารือก็ล้มเหลว โดยแหล่งข่าวรายหนึ่งเผยว่า ทางการสหรัฐนั้นพยายามวางเงื่อนไขให้ซาอุดีอาระเบียเลือกข้างระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ขณะที่ซาอุดิอาระเบียโต้กลับในประเด็นการผลิตโดยแนะให้สหรัฐอุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้น

อนึ่ง สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 1 ของโลกและเป็นผู้บริโภคอันดับต้น ๆ ของโลกตามข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ

“เรากังวลเป็นอย่างแรกและสำคัญที่สุดกับผลประโยชน์ของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย รวมถึงประเทศสมาชิกใน OPEC+” เจ้าชายอับดุลอาซิซ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซาอุดีอาระเบียเมื่อวันพุธ

ขณะที่การฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านของวอชิงตันและการถอนการสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารเชิงรุกของกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยซาอุดิอาระเบียในเยเมนทำให้เจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียไม่พอใจ รวมถึงการกระทำต่อรัสเซียหลังจากการรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ด้วยเช่นกัน แต่การกำหนดเพดานราคาน้ำมันก็สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดด้วยรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิราระเบียกล่าว

ในวันพฤหัสบดีที่ไบเดนแสดงความผิดหวังต่อมติของ OPEC พร้อมประกาศว่าสหรัฐพร้อมที่จะปล่อยปริมาณสำรองเพื่อคุมราคาน้ำมันตลาด “ชัดเจนว่า OPEC+ นั้นกำลังดำเนินนโยบายตามรัสเซีย” โฆษกทำเนียบขาว Karine Jean-Pierre กล่าวเมื่อวันพุธ

ความสัมพันธ์ระหว่างไบเดนและมกุฎราชกุมาร

ย้อนไปเมื่อหลังไบเดนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี วอชิงตันได้เผยแพร่รายงานที่เกี่ยวข้องกับการสังหารนักข่าว Jamal Khashoggi ในปี 2018 โดยมกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman ทันทีจากรายงานดังกล่าวออกมามกุฎราชกุมารออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวแต่ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ “ภายใต้การดูแลของข้าพเจ้า”

หลังจากนั้น ในเดือดกรกฎาคมที่ผ่านมาประธานาธิบดีโจ ไบเดน เดินทางไปยังเมืองเจดดาห์ ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย โดยได้เข้าพบกับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เพื่อหารือประเด็นเศรษฐกิจ, พลังงาน, อิสราเอล และสิทธิมนุษยชน แต่ตัวไบเดนเองยังเรียกร้องการและวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อ บิน ซัลมาน เรื่องการฆาตกรรม Khashoggi

อีกประเด็นหนึ่ง Ben Cahill เจ้าหน้าที่อาวุโสของศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์และการศึกษานานาชาติกล่าวว่า ซาอุดิอาระเบียลดปริมาณการผลิตโดยมีเป้าหมายเพื่อคุมราคาน้ำมันและแสวงหารายได้ให้กับประเทศเพื่อไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยตระหนักดีว่าการกระทำนี้จะสะเทือนต่อความสัมพันธ์กับสหรัฐ

แหล่งข่าว OPEC+ oil output cut shows widening rift between Biden and Saudi royals โดย Reuters

COMMENTS

WORDPRESS: 0
DISQUS: 0