นับตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา สภาพตลาดการลงทุนทั่วโลก เผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ มากมาย ขณะที่สภาวะเงินเฟ้อสูงเป็นประวัติการณ์ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารกลางหลายๆ แห่งทั่วโลกดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยแบบเข้มงวด (Tight Monetary Policy)
ทำให้เกิดความผันผวนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีลักษณะเติบโตสูง(Growth stock) รวมถึงสินทรัพย์เสี่ยงสูงมากที่ได้รับความนิยมและมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาค่อนข้างมากในช่วงปีที่ผ่านมาอย่าง “คริปโทเคอร์เรนซี” ได้กลายเป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงมากในปี 2565
รวมทั้งคริปโทเคอร์เรนซี ยังเจอบททดสอบ และความท้าทายภายในอุตสาหกรรม เช่น การล่มสลายของโปรเจกต์Terra และ แพลตฟอร์มกู้ยืมคริปโทเคอร์เรนซีเจ้าใหญ่อย่าง “Celsius Network” รวมถึง กองทุนคริปโทเคอร์เรนซี ชื่อดังอย่าง Three Arrows Capital ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารราว 3 พันล้านดอลลาร์ ได้ล่มสลายไป
นับว่า เป็นปัจจัยกดดันทำให้ผลตอบแทน “กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Blockchain (SCBBLOC)” ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงราว 8.23% หรือหากนับจากจุดสูงสุดในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.2565 กองทุนปรับตัวลดลงมาแล้ว 46.34% ขณะนี้มีมูลค่าหน่วยลงทุน 5.0578 บาท (ข้อมูล ณ 10 ก.ย.2565)
คริปโทเคอร์เรนซี เป็นเพียงแค่หนึ่งรูปแบบการประยุกต์ใช้งานของเทคโนโลยี “Blockchain” เท่านั้น กล่าวคือ เทคโนโลยี Blockchain ในปัจจุบันได้ถูกนำไปใช้งานจริงในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเงิน ที่นำไปใช้เพื่อการชำระเงินหรือเป็นตัวกลางในระบบการชำระเงิน โดยองค์กรอย่าง Visa หรือ Mastercard ก็เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมแล้ว และได้เริ่มนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการพัฒนาระบบการจ่ายเงินในธุรกิจด้านการเงิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของการนำเทคโนโลยี Blockchain ไปใช้ในภาคธุรกิจ ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Blockchain (SCBBLOC) จะเป็นกองทุนที่ช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการเติบโตของธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Blockchainโดย SCBBLOC จะเน้นลงทุนในกองทุนหลักที่มีชื่อว่า The Invesco CoinShares Global Blockchain UCITS ETF ซึ่งเป็นกองทุนประเภท ETF ที่มีสภาพคล่องสูง และกระจายการลงทุนในหุ้น 45-75 บริษัททั่วโลก เพื่อรองรับการเติบโตในระบบนิเวศน์ธุรกิจ Blockchain (Blockchain Ecosystem)
ปัจจุบัน SCBBLOC ได้เข้าไปลงทุนในบริษัทอุตสาหกรรมคริปโทฯ เช่น Coinbase, Hive Blockchain Technologies, Monex Group Inc, SBI Holdings เป็นต้น โดยในปีที่ผ่านมา กองทุนหลัก ได้มีการปรับเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอตามความน่าสนใจ และความมีส่วนร่วมในระบบนิเวศน์ธุรกิจ Blockchain โดยมีการเพิ่มหุ้นใหม่เข้ามาในพอร์ต อาทิ WonderFi Technologies, Remixpoint และ นำหุ้นออกจากการลงทุน เช่น Cathedra Bitcoin เป็นต้น
รวมทั้งทาง SCB เองยังมีการจัดตั้งบริษัทลูกที่ชื่อว่าบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด หรือSCB 10X ที่ทาง SCB ได้ถือหุ้นอยู่ 100% ในการเข้าไปทำการลงทุนในบริษัทเทค และสตาร์ตอัปต่างๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้อง Blockchain, Defi และ Mataverse อย่างเต็มที่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น BlockFi แพลตฟอร์มบริหารเหรียญคริปโทฯ, Ape Board แพลตฟอร์ม Track เหรียญคริปโทฯ หรือเกม Metaverse ชื่อดังอย่าง The Sandbox และอื่นๆ อีกมากมายกว่า 10 บริษัท
แหล่งข่าว “บลจ.ไทยพาณิชย์” ชูลงทุน “บล็อกเชน” เชื่อแนวโน้มผลตอบแทนสูง, bangkokbiznews, 12 ต.ค. 2565
COMMENTS