S&P 500 ปิดย่อลงเมื่อวันพุธหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐออกแถลงการณ์หลังการประชุมนโยบาย ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามพุ่งขึ้นอย่างดุเดือดในนาทีสุดท้ายของเซสชั่น แต่ดาวโจนส์และ S&P ยังคงปิดในแดนลบ ขณะที่ Nasdaq ปิดบวกเล็กน้อย
“ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่า 2% และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง คณะกรรมการคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไม่ช้า” คำแถลงกล่าว นอกจากนี้ ในช่วงการตอบคำถาม พาวเวลล์ยังย้ำถึงอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือเป้าหมายในระยะยาว รวมถึงปัญหาด้านอุปทานด้วย ทั้งนี้ ประธานเฟดระบุว่าคงไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยในทุกสมัยประชุม สะท้อนถึงความยืดหยุ่นทางนโยบายที่มากขึ้น
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 129.64 จุดหรือ 0.38% กลับไปที่ 34,168.09 S&P 500 ลดลง 6.52 จุดหรือ 0.15% กลับไปที่ 4,349.93 และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 2.82 จุดหรือ 0.02% กลับไปที่ 13,542.12
ทั้ง 11 กลุ่มหลักใน S&P 500 ซื้อขายในแดนบวกตลอดทั้งวัน ฤดูกาลการรายงานของไตรมาสที่ 4 เป็นไปอย่างราบรื่น โดยหนึ่งในห้าของบริษัทใน S&P 500 ต่างรายงานผลประกอบการ โดยกว่า 81% ในจำนวนนั้นเอาชนะฉันทามติได้ ตามรายงานของ Refinitiv
Microsoft Corp เพิ่มขึ้น 2.8% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมา Boeing Co ลดลง 4.8% หลังจากรายงานค่าใช้จ่าย 4.5 พันล้านดอลลาร์ Mattel Inc เพิ่มขึ้น 4.3% หลังจากได้รับลิขสิทธิ์ในการผลิตของเล่น “Frozen” ของ Walt Disney Co ขณะที่ Tesla ร่วงลงประมาณ 5% หลังจากเผยว่ากำลังการผลิตจะลดลงจนถึงปี 2022 เนื่องจากข้อจำกัดด้านซัพพลายเชน
S&P 500 ทำจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ใหม่ 12 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่ 9 ครั้ง Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 28 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่ 206 ครั้ง
ปริมาณการแลกเปลี่ยนในสหรัฐอยู่ที่ 14.50 พันล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 20 วันทำการล่าสุด 11.58 พันล้าน
แหล่งข่าว Wall Street gains evaporate, S&P 500 ends lower on Fed tightening timeline โดย Reuters
COMMENTS