SEARCH

ประเทศไทยสะเทือน เมื่อโลกขัดแย้งรุนแรงขึ้น

น้ำมันอ่อนตัวลง ตลาดรอสัญญาณการฟื้นตัวของอุปสงค์ในจีน
Goldman Sachs เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยปีนี้อย่างน้อย 4 ครั้งจากแรงกดดันเงินเฟ้อ
สำนักวิจัยเศรษฐกิจ หั่นจีดีพีปี 65 ดิ่ง เซ่นสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ

ปัญหาความขัดแย้งในภูมิรัฐศาสตร์มีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่เริ่มตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.2565 ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จนทำให้หลายประเทศมีปัญหาอัตราเงินเฟ้อ

รวมถึงประเทศไทยที่ภาครัฐต้องเข้าไปดูแลราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม จนทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบถึง 110,000 ล้านบาท ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อได้ขยายตัวสูงสุดในรอบ 13 ปี เป็นผลมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นเป็นสำคัญ

ความขัดแย้งล่าสุด ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน เกิดขึ้นหลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวัน เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2565 ส่งผลให้จีนประกาศระงับความร่วมมือ 8 ด้านกับไต้หวันทันที พร้อมกับการซ้อมรบใกล้กับน่านน้ำของไต้หวัน รวมทั้งสร้างความกังวลต่อซัพพลายเชนโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิปที่ทั้งจีนและไต้หวันมีบทบาทหลัก

จุดที่น่าสนใจคือ Worst case scenario ที่เป็นไปได้น้อยแต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ หลังจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนชัดเจนขึ้น ทำให้เริ่มมีขั้วอำนาจชัดเจน ระหว่างขั้วที่มีสหรัฐและพันธมิตรเป็นแกนนำ รวมถึงขั้วอำนาจที่มีรัสเซียและจีนเป็นแกนนำ

สิ่งที่น่ากังวลสำหรับกรณีดังกล่าวคือ เศรษฐกิจโลกถดถอยในระยะแรก และขยายตัวในเกณฑ์ต่ำสลับกับเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะเป็นไปตามความรุนแรงของมาตรการตอบโต้ระหว่าง 2 ขั้วเศรษฐกิจหลัก และการเพิ่มขึ้นของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยจะทำให้ราคาพลังงาน อาหาร และสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น และอยู่ระดับสูงต่อเนื่อง รวมทั้งเริ่มขาดแคลนพลังงานและอาหาร ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวรุนแรง และขยายตัวในเกณฑ์ต่ำสลับกับภาวะถดถอยหลายปีข้างหน้า

ในระยะสั้น ประเทศไทยคงทำได้เพียงการประคองการส่งออกและการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพื่อรักษาระดับการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2565 แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ซ้ำเติมปัญหาขาดแคลนชิป ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อการส่งออกยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์

แหล่งข่าว ประเทศไทยสะเทือน เมื่อโลกขัดแย้งรุนแรงขึ้น, bangkokbiznews, 14 ส.ค. 2565

COMMENTS

WORDPRESS: 0
DISQUS: 0