น้ำมันขึ้น 1% ในวันจันทร์หลังโอเปกออกคาดการณ์ว่าจะลดกำลังการผลิตที่จำเป็นเพื่อหนุนราคาตลาด กอปกรกับความขัดแย้งในลิเบีย อุปสงค์ก๊าซที่เพิ่มขึ้นยุโรป
สัญญาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์หรือ 1.2% สู่ 94.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเพิ่มขึ้น 2.5% ในสัปดาห์ก่อน เช่นเดียวกับสัญญาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบเบรนต์เพิ่มขึ้น 89 เซนต์หรือ 0.9% อยู่ที่ 101.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเพิ่มขึ้น 4.4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ราคาน้ำมันแข็งแกร่งขึ้นจากแรงหนุนของอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในยุโรปและอุปทานที่ตึงตัว” นักวิเคราะห์ของ National Australia Bank ระบุ
สถานการณ์ในลิเบียที่เกิดการปะทะขึ้นจาก 2 ฝ่ายที่แย่งชิงอำนาจกลางกรุงตริโปลีส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 32 ราย โดยสถานการณ์นี้อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปคด้วย
สัญญาซื้อขาย Benchmark ทั้งสองฉบับต่างร่วงลงในช่วงต้นของวันหลังจากที่ดอลลาร์ทำสถิติสูงสุดในวันศุกร์หลังประธานเฟดส่งสัญญาณเข้มงวดทางนโยบายอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ พร้อมเตือนถึงความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นกับภาคครัวเรือและภาคธุรกิจของสหรัฐ
“ขณะที่การแข็งค่าของดอลลาร์นั้นกำลังกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลัก กอปกรกับประเด็นการอุปสงค์ที่ไม่เพียงพอ ตลาดอาจจะอยู่ในช่วงการ unside ต่อไป Tina Teng นักวิเคราะห์ของ CMC Markets กล่าว
อีกปัจจัยหนุนราคาน้ำมันคือการที่ซาอุดิอาราเบียและสมาชิกรายอื่น ๆ ใน OPEC+ ส่งสัญญาณลดกำลังการผลิตเพื่อสร้างสมดุลในตลาด หากอิหร่านกับสหรัฐสามารถฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์ 2015 ได้สำเร็จและมีการกลับมาอุปทานเข้าสู่ตลาด
นอกจากนี้ยังมีอีกปัจจัยหนุนคือราคาก๊าซที่พุ่งสูงในยุโรปส่งผลให้ประชาชนต้องเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเพื่อทดแทน นักวิเคราะห์ของ ANZ Research เสริม
แหล่งข่าว Oil climbs on OPEC supply cut prospect, demand growth โดย Reuters
COMMENTS