หุ้นเอเชียร่วงลงในวันอังคารจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยนักลงทุนต่างเทขายวันแรกของเดือนจากความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ดัชนี MSCI หุ้นเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นร่วงลง 1.3% ในช่วงแรกในเอเชีย ตามการร่วงลงของหุ้นฟิวเจอร์สของสหรัฐ ฟิวเจอร์ส S&P 500 ลดลง 0.6%
ขณะที่ ฟิวเจอร์ส Nasdaq ลดลง 1.1% ดัชนี Nikkei ร่วงลง 1.6% ดัชนี Hang Seng ร่วงลง 1.4% เช่นเดียวกับหุ้นของจีนก็ร่วงลง 0.3%. หุ้นเทคก็ร่วงลงเช่นกัน โดยร่วงลง 6.6% หลังหุ้นผู้ผลิตชิปอย่าง Nvidia Corp ร่วงลง หลังหน่วยงานของสหรัฐขอให้บริษัทหยุดการผลิตให้แก่จีน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อของเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน ต่างออกมาในทิศทางที่อ่อนตัวลงจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ดอกเบี้ยนโยบายที่สูงขึ้น รวมถึงสงครามในยูเครน
“เดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่เลวร้ายสำหรับนักลงทุนที่พยายามจะปรับสมดุลพอร์ตการลงทุน” Rodrigo Catril นักยุทธศาสตร์ FX อาวุโสที่ National Australia Bank กล่าวในหมายเหตุถึงลูกค้า “จนถึสิ้นเดือนก็ยังไม่มีผลตอบแทนที่สร้างเซอร์ไพร์ส”
ในเดือนนี้ ทั้งธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางยุโรป คาดว่าจะเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายมากขึ้น ลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่าเฟดจะต้องขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเหนือ 4% ภายในต้นปีหน้าและคงอัตราดอกเบี้ยไว้อย่างนั้นเพื่อให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายเฟด
หุ้นสหรัฐปิดเดือนที่ผ่านมาด้วยผลงานที่แย่ที่สุดในรอบ 7 ปี โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 4.06% S&P 500 ลดลง4.24% และ Nasdaq ลดลง 4.64% ในตลาดสกุลเงิน ดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่น สู่ระดับสูงสุดในรอบ 24 ปีที่ 139.5 และยังเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลีย
แนวโน้มของเหยี่ยวจากเฟดส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีเพิ่มขึ้น 6 จุดสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2007 ที่ 3.51% ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 8 จุดเป็น 3.21%
น้ำมันดิบสหรัฐลดลง 0.65% มาอยู่ที่ 88.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลง 0.7% มาอยู่ที่ 95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทองคำลดลงเล็กน้อย โดยสปอตทองคำซื้อขายที่ 1705.814 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แหล่งข่าว Asia stocks stagger into September as dollar spikes โดย Reuters
COMMENTS