SEARCH

ค่าใช้จ่ายและแนวโน้มราคาที่ไม่แน่นอนกดดันผลิตผลน้ำมันของสหรัฐ

ตลาดคริปโตหมดแรงหนุนต่อ
ไบเดนเตรียมแนะแนวปฏิบัติทางเศรษฐกิจให้แก่จีน และประเด็นสงครามในรัสเซีย
น้ำมันร่วง หลังหวั่นโอเปกลดกำลังการผลิต

การเติบโตของการผลิตน้ำมันในรัฐที่มีการผลิตสูงสุดในสหรัฐเริ่มชะลอตัวลงจากเงินเฟ้อ ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ผลสำรวจล่าสุดโดย Federal Reserve Bank

ดัชนีกิจกรรมธุรกิจน้ำมันและก๊าซลดลงเหลือ 30.3 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ลดลงจาก 46 ในไตรมาสที่สาม จากการสำรวจผู้บริหารในเดือนนี้จากบริษัทพลังงาน 152 แห่งในเท็กซัส นิวเม็กซิโก และหลุยเซียน่า โดยก่อนนี้ในไตรมาสที่สองดัชนีเคยอยู่ที่ 57.7 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์การสำรวจ

นอกจากนี้การเติบโตของการผลิตน้ำมันจากชั้นหินของสหรัฐก็มีสัญญาณชะลอตัวเช่นกัน ผลผลิตใน Permian คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 37,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดในรอบ 7 เดือน ตามรายงานของ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA)

จากการสำรวจเดียวกันเผยว่าผู้บริหารกว่า 32% ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อสำหรับต้นทุนการผลิตและปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทานเป็นปัจจัยหลักที่กดดันการเติบโต
บรรดาบริษัทผู้ผลิตต่างรายงานต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่แปดติดต่อกัน แม้ว่าอัตรา cost inputs จะลดลงเหลือ 61.8 ในช่วงไตรมาสที่สี่จาก 83.9 ในไตรมาสก่อนหน้า

นอกจากนี้ บรรดาผู้บริหารยังมีมุมมองเชิงบวกที่ลดลงสำหรับอนาคต โดยดัชนีแนวโน้มของบริษัทลดลง 20 จุดมาอยู่ที่ 13.1 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรวม ขณะที่ดัชนีความไม่แน่นอนของแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 40.1 จาก 35.7 ในไตรมาสก่อนหน้า พร้อมคาดว่าราคาน้ำมันดิบของสหรัฐจะเฉลี่ยอยู่ที่ 84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลภายในสิ้นปี 2023

แหล่งข่าว Costs and uncertainty cloud oil outlook, says Dallas Fed โดย Reuters

COMMENTS

WORDPRESS: 0
DISQUS: