David Mericle นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะขยับขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้เฟดต้องดำเนินมาตรการที่แข็งกร้าวเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ รวมถึงการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและบ่อยกว่าที่เฟดเคยประกาศก่อนหน้านี้
นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของ Omicron ทำให้เงินเฟ้อปรับตัวเร็วขึ้นกว่าที่เฟด คาดการณ์ไว้ก่อนนี้ และบีบให้เฟดต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 4 ครั้งในปีนี้คือในเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่ทางคณะกรรมการกำกับนโยบายกายเงินของเฟดจะใช้มาตรการเชิงรุกที่แข็งกร้าวในทุกครั้งหลังเสร็จสิ้นการประชุมตามกำหนดวาระ จนกว่าที่สถานการณ์เงินเฟ้อจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ต้องการ
รายงานระบุว่าตลาดส่วนใหญ่คาดว่าเฟดไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ แต่มีแนวโน้มที่ทางคณะกรรมการ จะเผยระดับตัวเลขอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นให้มีความชัดเจน และเดือนมีนาคมยังคงเป็นเดือนแรกที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
Mericle อธิบายว่า การระบาดของ Omicron ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขาดสมดุลระหว่างความต้องการบริโภคสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกับความต้องการใช้วัตถุดิบในการผลิตที่ปรับตัวลดลง จนถึงขั้นขาดแคลนในบางอุตสาหกรรม โดยความต้องการสินค้ายังมีแนวโน้มพุ่งทะยานมากขึ้น อันเป็นผลจากค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ข้อมูลจาก CME ระบุว่า 95% ของเหล่าเทรดเดอร์ มั่นใจว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมีนาคมนี้ และอีก 85% เห็นว่า ในปี 2022 นี้จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้ง ในส่วนการยุติโครงการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลรายเดือนหรือ QE ทาง Goldman Sachs มองว่าเฟดน่าจะยุติโครงการดังกล่าวในเดือนพฤษภาคม
ขณะเดียวกัน นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างรอดูรายงานประจำเดือน โดยเฉพาะการเติบโต GDP สหรัฐฯ ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐฯ ในไตรมาส 4 ปี 2021 น่าจะเติบโตได้ที่ 5.8% ขณะที่อีกหนึ่งตัวเลขที่ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ คือดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ที่ 28 มกราคมนี้
แหล่งข่าว Inflation surge could push the Fed into more than four rate hikes this year, Goldman Sachs says โดย CNBC
COMMENTS