SEARCH

Morning Bid Asia: วิกฤตสหรัฐ-จีนกลับมาอีกครั้ง?

การแบนทองคำรัสเซียของ G7 ไม่อาจหยุดยั้งการร่วงลงได้
ก.ล.ต.เผย สรรพากร เดินหน้ากำหนดแนวทางเก็บภาษีคริปโทชัดเจน สิ้นม.ค.นี้
VinFast เตรียมส่งมอบรถยนต์ EV ในสหรัฐชุดแรก

A passerby walks past an electric screen displaying various Asian countries' stock price indexes outside a brokerage in Tokyo

REUTERS/Issei Kato

มองตลาดเอเชียไปกับ Jamie McGeever

ผู้ค้าในเอเชียเริ่มสัปดาห์ภายใต้ความกดดันหลังวอลล์สตรีทเผชิญการเทขายในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐออกมาแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ ขณะที่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและจีนเพิ่มขึ้นหลังการโจมตีบอลลูนที่สหรัฐอ้างว่าจีนใช้เพื่อสืบความเคลื่อนไหว

ในสัปดาห์นี้ตลาดยังรอรับข้อมูลเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาค ซึ่งรวมถึงมติการประชุมทางการเงินของอินเดียและออสเตรเลีย ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจากจีน และตัวเลขบัญชีเดินสะพัดจากญี่ปุ่น

โมเมนตันของวอลล์สตรีทร่วงลงตั้งแต่สัปดาห์ก่อนจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่น่าจะยังเพิ่มขึ้นและความคาดหวังต่อการทำ “softlanding” กำลังเพิ่มขึ้น

ข้อมูลที่ออกมานั้นทำให้มีความสงสัยว่าข่าวดีนั้นจะเป็นข่าวร้ายหรือไม่? จริงอยู่ที่ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเป็นสัญญาณของเศรษฐกิจที่แข็งแรงและเป็นผลดีต่อรายได้แต่ทางตรงกันข้าวมันเป็นสัญญาณของการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและส่งผลกระทบต่อรายได้หรือไม่?

ในด้านความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐที่กลับมาย่ำแย่อีกครั้ง หลังการโจมตีบอลลูนที่สหรัฐอ้างว่าเป็นบอลลูนสอดแนมของจีน โดยในด้านจีนประณามการโจมตีดังกล่าวว่าเป็น “การตอบโต้ที่เกินกว่าเหตุ”

นักลงทุนจะจับตาดูวิกฤตในภูมิภาคอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่ Adani Group ของอินเดีย หลังจากที่ Hindenburg Research กล่าวหากลุ่มบริษัทนี้ว่ามีการปั่นหุ้นและก่อหนี้ที่ไม่ยั่งยืน

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางของอินเดียพยายามสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าระบบการเงินของประเทศมีความแข็งแกร่ง โดยยืนยันว่า “ตัวแปรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทุน คุณภาพสินทรัพย์ สภาพคล่อง ความครอบคลุมของเงินสำรอง และความสามารถในการทำกำไรนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี” สัญญาณดังกล่าวออกมาก่อนที่การประชุมนโยบายของธนาคารกลางจะแล้วเสร็จโดยคาดการณ์ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยที่ 25 จุด อัตราดอกเบี้ยสะสมอยู่ที่ 6.50%

ขณะที่ในวันอังคารที่จะถึงธนาคารกลางออสเตรเลียจะสิ้นสุดการประชุมนโยบายบายโดยคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยที่ 25 จุดเป็นครั้งที่ 4 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสะสมอยู่ที่ 3.35% โดยนักวิเคราะห์มองว่านี่จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายก่อนที่จะอยู่ที่ 3.60% ในเดือนมีนาคม

ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ 3 รายการในวันจันทร์

– GDP ของอินโดนีเซีย (Q4 ปี 2022)
– อัตราเงินเฟ้อของประเทศไทย (เดือนมกราคม)
– ยอดค้าปลีกยูโรโซน (เดือนธันวาคม)

แหล่งข่าว Morning Bid Asia: U.S.-China crisis? โดย Reuters

COMMENTS

WORDPRESS: 0
DISQUS: 0