Steve Hanke ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ประยุกต์ที่ Johns Hopkins University เตือนถึงภาวะถดถอยที่จะเกิดขึ้นในสหรัฐในปีหน้า “เราจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเพราะ M2 ขยายตัวที่ 0 ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 เดือน การเติบโตของปริมาณเงินในระดับ ซึ่งเฟดแทบไม่ได้ให้ความสนใจนัก” เขากล่าวกับ “Street Signs Asia” ของ CNBC เมื่อวันจันทร์
โดย M2 เป็นตัวบ่งชี้แบบกว้าง ๆ ของปริมาณเงินทั้งหมดและอัตราเงินเฟ้อในอนาคต ซึ่งรวมเงินสด เงินฝากเช็คและเงินฝากออมทรัพย์และหลักทรัพย์ในตลาดเงินด้วย
นอกจากนี้ Hanke ยังเตือนว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปริมาณเงินในตลาดซบเซาและมีแนวโน้มว่าจะนำไปสู่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่หนึ่งครั้งในปี 2023 ขณะที่เงินเฟ้อจะยังคงทำระดับสูงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะในอดีตนั้น ไม่เคยเกิดสถานการณ์ “อัตราเงินเฟ้อที่คงที่” ซึ่งไม่ได้เป็นผลมาจากการเติบโตของปริมาณเงินที่มากเกินไป นั่นหมายถึงว่า “การเติบโตที่กล่าวมานั้น” เริ่มขึ้นตั้งแต่การแพร่ระบาดเมื่อสองปีก่อน ทั้งนี้ เงินเฟ้ออาจคงระดับถึงปี 2023 และอาจลามไปถึง 2024อีกประเด็นสำคัญคือ “เรากำลังจะเผชิญกับภาวะชะงัก และอีกปัญหาคือผู้กำหนดนโยบายอย่างพาวเวลล์แทบไม่ได้เข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของเงินเฟ้อเลย ”
พาวเวลล์กล่าวสุนทรพจน์เชิงนโยบายที่การประชุมที่ Jackson Hole เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เขามองว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงในสหรัฐนั้นเป็นผลมาจาก “อุปสงค์ที่แข็งแกร่งและอุปทานที่มีจำกัด และเครื่องมือของเฟดทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอุปสงค์โดยรวม”
David Rosenberg ประธานฝ่ายวิจัยของ Rosenberg Research ก็แสดงข้อกังขาถึงทิศทางของเฟดเช่นกัน โดยเขามองว่า ตอนนี้เหมือนเฟดจะมีความสุขที่จะกระชับนโยบายต่อไป แต่หากทำเกินกว่าความเป็นจริงแล้ว เศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ เขายังระบุว่าผิดหวังที่เฟดยังคงวิ่งตามตัวชี้วัดแบบดั้งเดิมอย่าง อัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อ แต่เฟดแทบจะไม่เคยออกมารับผิดชอบจากท่าทีที่มีต่อเงินเฟ้อในช่วงก่อนนี้ที่มักจะเชื่อว่าเพียง “ชั่วคราว”
แหล่งข่าว Steve Hanke says we’re going to have one ‘whopper’ of a recession in 2023 โดย CNBC
COMMENTS