วอลล์สตรีทปิดทรงตัวจากความกังวลนโยบายเฟด

วอลล์สตรีทปิดทรงตัวในวันจันทร์หลังจากข้อมูลงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งตอกย้ำถึงความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐจะคุมเงินเฟ้อต่อเนื่อง ขณะที่ ผู้ผลิตชิป Nvidia ออกคำเตือนถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่จะชะลอตัว

ขณะนี้นักลงทุนรอข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคที่จะออกในวันพุธเพื่อดูแนวโน้มของเฟด “ข้อมูล CPI จะช่วยยืนยันว่าความพยายามในการกระชับของเฟดว่าประสบความสำเร็จหรือไม่หรือหากจำเป็นต้องดำเนินการต่อเนื่อง” Robert Schein หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Blanke Schein Wealth Management กล่าว

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 29.07 จุดหรือ 0.09% อยู่ที่ 32,832.54 ขณะที่ S&P 500 ลดลง 5.13 จุดหรือ 0.12% อยู่ที่4,140.06 และ Nasdaq Composite ลดลง 13.10 จุด หรือ 0.1% อยู่ที่ 12,644.46 ปริมาณการแลกเปลี่ยนในสหรัฐอยู่ที่ 11,010 ล้านหุ้น

อัตราดอกเบี้ยฟิวเจอร์สของสหรัฐกำลัง price อยู่ที่ 67.5% สำหรับการขึ้นดอกเบี้ย 75 จุดในการประชุมในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจากประมาณ 41% ก่อนที่ข้อมูลตลาดแรงงานจะออกมาอย่างเหนือคาด

ภาคเทคโนโลยีสารสนเทศลดลง 0.9% เนื่องจากผู้ผลิตชิป Nvidia Corp ร่วง 6.3% หลังจากที่บริษัทคาดว่ารายรับในไตรมาสที่สองจะลดลง 19% ดัชนี Philadelphia SE Semiconductor ลดลง 1.6% ขณะที่หุ้นมูลค่าเพิ่มขึ้น 0.1% นำหน้ากลุ่มหุ้นเติบโตที่ลดลง 0.4%

Tesla เพิ่มขึ้น 0.8% หลังเซ็นสัญญามูลค่าประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อวัสดุแบตเตอรี่จากบริษัทแปรรูปนิกเกิลในอินโดนีเซีย หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐพุ่งขึ้นหลังจากวุฒิสภาสหรัฐในวันอาทิตย์ผ่านร่างกฎหมายเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมูลค่า 430 พันล้านดอลลาร์

Rivian Automotive Inc เพิ่มขึ้น 6.78% Ford Motor Co ขึ้น 3.14% General Motors Co ขึ้น 4.16% และ Lordstown Motors Corp ขึ้น 3.17% Palantir Technologies Inc ลดลง 14.2% หลังจากที่บริษัทลดการคาดการณ์รายได้ประจำปีลง Tyson Foods Inc ลดลง 8.4% หลังจากไม่สามารถบรรลุคาดการณ์ผลกำไรรายไตรมาส

ดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ใหม่ 8 จุดและระดับต่ำสุดใหม่ 29 จุด Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 104 จุดและระดับต่ำสุดใหม่ 27 จุด

แหล่งข่าว Wall Street closes little changed on Fed policy fears โดย Reuters