วอลล์สตรีตปิดย่อลงจากกลุ่มเทคฯ ก่อนการประชุมเฟด

หุ้นสหรัฐปิดย่อลงจากกลุ่มเทคฯ ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ขณะที่ความตึงเครียดทางการเมืองยังเขย่าตลาดต่อเนื่อง ดัชนี S&P เตรียมยืนยันการปรับฐานหาก Bellwether ปิดต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10% หรือมากกว่า โดยปิดย่อลงที่ 9.2% ดัชนีความผันผวน CBOE ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2564

“นักลงทุนกำลังถามว่า ‘ถึงเวลาปกป้องเงินทุนด้วยการเทขายหรือ buy the dip” ทอม มาร์ติน ผู้จัดการพอร์ตอาวุโสของ GLOBALT กล่าว

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 66.77 จุดหรือ 0.19% กลับไปที่ 34,297.73 จุด S&P 500 ลดลง 53.68 จุดหรือ 1.22% กลับไปที่ 4,356.45 จุดและ Nasdaq Composite ลดลง 315.83 จุดหรือ 2.28% กลับไปที่ 13,539.30 จุด

สมาชิกของคณะกรรมการตลาดกลางแห่งสหพันธรัฐ (FOMC) เริ่มประชุมในวันอังคาร ขณะที่ ในวันพุธผู้เข้าร่วมตลาดเตรียมพร้อมสำหรับสัญญาณของเฟด พร้อมกับช่วงถาม-ตอบของประธานเฟด

ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุน โดยที่ NATO กำลังเตรียมกองกำลังสำหรับความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น เช่นเดียวกับสหรัฐฯ เริ่มเพิ่มความระมัดระวังในด้านการทหารเพื่อรับมือกองกำลังรัสเซียที่ชายแดนยูเครน ความตึงเครียดดังกล่าวยังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นจากความกังวลเรื่องอุปทานที่ตึงตัว

หุ้นเทคโนโลยีใน S&P 500 ร่วงลงแบบ เปอร์เซ็นต์ในอัตราสูงสุด ท่ามกลางฤดูกาลการรายงานของไตรมาสที่สี่ โดยมีบริษัท 79 แห่งใน S&P 500 ที่รายงานไปแล้ว ซึ่งกว่า 81% ของจำนวนดังกล่าวรายงานดีเกินคาดการณ์ ตามรายงานของ Refinitiv ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์การเติบโตของ S&P 500 ที่ 24.1% สำหรับไตรมาสที่ 4

ในแง่หุ้นรายตัว General Electric ร่วงลง 6.0% IBM เพิ่มขึ้น 5.7% American Express เพิ่มขึ้น 8.9% เช่นเดียวกับJohnson & Johnson ที่เพิ่มขึ้น 2.9% แต่หุ้น Microsoft ร่วงลงราว 5% จากรายงานผลประกอบการ

S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ใหม่ 7 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่ 4 ครั้ง Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 19 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่ 134 ครั้ง
ปริมาณการแลกเปลี่ยนในสหรัฐอยู่ที่ 13.13 พันล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 20 วันทำการล่าสุดที่ 11.23 พันล้าน

แหล่งข่าว Wall Street ends down as markets whipsaw ahead of Fed meeting โดย Reuters