SEARCH

นโยบายเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาดของจีนกำลังให้แนวโน้วต่อสินค้าโภคภัณฑ์

ราคาน้ำมันดีดขึ้นสู่สูงสุดประจำปีนับตั้งแต่ปี 2552
รายงานเงินเฟ้อสหรัฐและผู้ว่าการ BoJ ถูกจับตา ดอลลาร์อ่อนค่าลง
กสิกร ปัดให้ข่าว ร่วมทุน ‘ไบแนนซ์’ รับอยู่ระหว่างศึกษา ‘ซื้อขายเงินดิจิทัล’

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ได้รับแรงหนุนเพียงเล็กน้อยหลังที่สี จิ้นผิง แถลงการณ์ต่อหน้าสภาพรรคคอมมิวนิสต์ โดยที่ไม่มีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลหรือการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญทางเศรษฐกิจ เพียงแต่ระบุถึงแนวโน้มระยะสั้นและระยะยาวสำหรับอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ เช่นเดียวกับแนวโน้มระยะยาวในระยะยาวสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของพลังงาน

ความเสี่ยงหลักในระยะสั้นคือความมุ่งมั่นในนโยบายปลอดโควิด ซึ่งอาจทำให้มีการล็อคดาวน์เกิดขึ้นในอนาคตและอุปสงค์น้อยลง ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้การนำเข้าน้ำมันดิบของจีนลดลง 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่อ้างถึงการปรับใช้นโยบายซีโรโควิด

คำแถลงการณ์ของสี จิ้นผิงมีใจความหลักอยู่ที่การจัดหาธัญพืชและพลังงาน ตลอดจนความมุ่งมั่นที่จะจัดลำดับความสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจีนตั้งเป้าที่จะปล่อยคาร์บอนให้เป็นกลางภายในปี 2060 และการปล่อยมลพิษสูงสุดในปี 2030 “จากทุนทางพลังงานและทรัพยากรของจีน เราจะผลักดันความคิดริเริ่มให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนสูงสุดด้วยการวางแผนที่ดีและเป็นขั้นตอนตามหลักการของการสร้างสิ่งใหม่ก่อนที่จะทิ้งสิ่งเก่า”

นี่อาจถือได้ว่าเป็นสัญญาณว่าถ่านหินจะยังคงอยู่ในส่วนผสมพลังงานของจีนเป็นเวลาหลายสิบปี แต่น่าสังเกตว่าจีนมีแนวโน้มที่จะพยายามลดการนำเข้าเชื้อเพลิงที่ก่อมลพิษ นอกจากนี้ จีนยังมีแนวโน้มที่จะมองหาวิธีการลดการพึ่งพาน้ำมันดิบนำเข้า แต่ไม่น่าเป็นไปได้ที่จีนจะสามารถเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบในประเทศได้มาก

การเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวเร็วอาจทำให้อุปสงค์น้ำมันเบนซิลและดีเซลลดลง โดยขณะนี้ 1 ใน4 ของการจดทะเบียนใช้รถยนต์ของจีนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบและแบบไฮบริด ขณะเดียวกันยอดข้างรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นกำลังบอกว่าอุปสงค์ของโลหะเพื่อผลิตแบตเตอรี่ก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในระยะยาว

แหล่งข่าว Column: Xi’s commitment to energy transition is mixed for commodities โดย Reuters

COMMENTS

WORDPRESS: 0
DISQUS: 0